จากเหตุสะเทือนขวัญคดีฆ่าปาดคอ น.ส.จุฬารัตน์ โทวรรณา ครูสาว ในห้องพัก อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 แถลงผลการจับกุม นายชาตรี ร่วมสูงเนิน (ตรี) อายุ 27 ปี ผู้ต้องหา ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พร้อมของกลางคือ มีดยาวประมาณ 5-6 นิ้ว จำนวน 1 เล่ม เสื้อ 1 ตัว
พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เปิดเผยว่า ภายหลังจากได้รับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่า บ้านพักที่ผู้เสียชีวิตพักอยู่เป็นบ้านชั้นเดียวหันหนาเข้าหากัน จำนวน 10 ห้อง มีรั้วรอบขอบชิด จึงคิดว่าคนร้ายน่าจะเคยรู้จัก และอยู่ในบริเวณใกล้เคียง จึงตรวจสอบผู้ที่พักอาศัยในบ้านเช่า และสถานที่ใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุว่ามีบุคคลใด มีประวัติในการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพย์ เพศ หรือยาเสพติด จนในที่สุดตรวจสอบพบว่า นายชาตรี เคยต้องโทษคดีเกี่ยวกับเพศ จึงได้ติดตามตัวมาสอบปากคำ และพบหลังมือข้างซ้ายมีแผล ลักษณะถูกของมีคมบาด โดยนายชาตรี ให้ปากคำ มีลักษณะเป็นพิรุธ จึงได้เรียกเจ้าหน้าที่วิทยาการตำรวจ เพื่อมาเก็บ DNA ตรวจสอบ
ในที่สุดนายชาตรี รับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุจริง พร้อมนำตรวจยึดเสื้อที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุไว้เป็นของกลาง โดยนายชาตรี สารภาพด้วยว่าก่อนเกิดเหตุดื่มเบียร์ไป 1 ขวดที่ห้องพัก แล้วเกิดอารมณ์ทางเพศ และจะกอดแฟนตัวเองซึ่งเป็นสาวประเภทสอง และขอร่วมเพศด้วย แต่แฟนไม่ยอม จึงเดินไปที่ห้องพักของผู้ตาย ซึ่งประตูไม่ได้ล็อค จึงเข้าไปเพื่อจะข่มขืน ขณะที่พยายามจะข่มขืน ผู้ตายตื่นขึ้นและตกใจร้องโวยวาย จึงเกิดความกลัวใช้มือปิดปากผู้ตายพร้อมใช้มีดที่วางอยู่ข้าง ๆ ตัวผู้ตายปาดที่คอ จนแน่นิ่งพร้อมกับทิ้งมีดไว้ในห้องเกิดเหตุ
จากนั้นจึงกลับไปที่ห้องพักของตัวเอง เพื่ออาบน้ำล้างคราบเลือดที่ติดมากับเสื้อผ้า และพบว่าที่หลังมือข้างซ้ายมีแผลถูกมีดบาด แผลเลือดยังไหลไม่หยุด จึงนำเสื้อตัวที่ใช้ก่อเหตุมาพันมือห้ามเลือด แล้วกลับไปนอนกับแฟนที่อยู่ในห้องพักของตัวเอง ถึงตอนเช้าจึงออกไปทำงานตามปกติ
อย่างไรก็ตาม ในการแถลงข่าวครั้งนี้ นายชาตรีเล่าเหตุการณ์แตกต่างจากคำสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยนายชาตรี ระบุว่า ที่เข้าไปในห้องของน.ส.จุฬารัตน์เพราะต้องการจะไปลักทรัพย์สิน รวมทั้งห้องพักของน.ส.จุฬารัตน์เปิดประตูไม้ และไม่ได้ล็อกประตู้เหล็กมุ้งลวด จึงผลักเข้าไป ในตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะข่มขืน แต่เห็นน.ส.จุฬารัตน์นอนอยู่ แล้วเห็นว่าน่ารัก ทั้งตนเองยังแอบชอบน.ส.จุฬารัตน์อยู่ เคยพูดคุยกัน เพราะเป็นเพื่อนบ้านกัน โดยตัวเองเข้ามาอยู่ที่ห้องเช่าแห่งนั้นหลังน.ส. จุฬารัตน์
โดยในตอนที่เข้าไปในห้อง เดินสะดุดปลั๊กไฟ น.ส.จุฬารัตน์จึงตื่นขึ้นและร้องกรี๊ด นายชาตรีจึงหันไปหยิบมีดจากชั้นวางมาปาดคอ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้พูดคุยกับผู้ตาย แต่ลงมือทันทีเพราะกลัวคนรู้ นอกจากนี้นายชาตรียังเปิดเผยด้วยว่าหลังจากที่ฆ่าน.ส.จุฬารัตน์แล้ว ก็ไม่ได้ข่มขืน แต่กลับไปที่ห้องตัวเองทันที ไม่ได้คิดหนี เพราะรู้ว่าทำผิด ต้องการจะรอมอบตัว
ทั้งนี้นายชาตรีได้กล่าวแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอโทษครอบครัว
ด้านพล.ต.ท.ชัยวัฒน์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า มีการเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อจากผู้เสียชีวิตไปตรวจสอบ ว่านายชาตรีข่มขืนผู้เสียชีวิตหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้นายชาตรีให้การว่าหลังจากปาดคอน.ส. จุฬารัตน์ แล้วก็มีการจับหน้าอกผู้เสียชีวิต นอกจากนี้ตำรวจยังฝากเตือนหญิงสาวที่พักอยู่เพียงลำพัง ควรล็อคประตูให้แน่นหนาทุกครั้ง หลังจากกลับเข้าห้องพักและหากใครมาเคาะประตูห้องในยามวิกาล ควรตรวจสอบให้น่าเชื่อว่าเป็นคนที่ตัวเองรู้จักหรือไม่ หากพบเห็นสิ่งปกติให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ผู้ดูแล เพื่อนห้องข้างเคียงทันที หรือหมายเลขฉุกเฉิน 191 และได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการหอพักบ้านเช่า ควรติดตั้งกล้องวงจรปิดหาดเกิดเหตุร้ายจะสามารถใช้เป็นหลักฐานบอกใช้ในการสืบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้ายต่อไป
ส่วนพล.ต.ต. ธิติ แสงสว่าง ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดสระบุรี เชื่อว่านายชาตรี น่าจะมีก่อเหตุข่มขืนในพื้นที่ใกล้เคียงหลายครั้ง แต่ไม่มีผู้เสียหายมาแจ้งความ เพราะหวาดกลัว รวมทั้งนายชาตรีได้ใช้กำลังข่มขู่ บังคับ จึงอยากขอให้ผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที
นายชาตรียังรับว่าเคยก่อเหตุข่มขืนภรรยาของเพื่อนเมื่อปี 2556 ในพื้นที่ตำบลท่าตูม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี และต้องโทษจำคุก 1 ปี 8 เดือนครึ่ง เพิ่งพ้นโทษมาประมาณเดือนสิงหาคม 2558
...
ผสข.สมจิตร์ พูลสุข