*หน่วยคอมมานโดบังกลาเทศ ช่วยตัวประกันบางส่วนได้แล้ว หลังไอเอสบุกก่อเหตุ*

ความคืบหน้าเหตุคนร้ายบุกร้านอาหาร “โฮลี อาร์ติซั่น” ในกรุงธากา นครหลวงบังกลาเทศ ล่าสุด ตำรวจบังกลาเทศได้ตัดสินใจนำหน่วยคอมมานโดกว่า 100 นายบุกร้านดังกล่าวแล้ว เพื่อช่วยเหลือตัวประกันราว 20 คน รวมทั้งชาวต่างชาติ หลังจากมือปืนจับตัวประกันตั้งแต่เมื่อคืนไว้เป็นเวลานานกว่า 10 ชั่วโมง และได้เกิดการปะทะยิงตอบโต้กันอย่างรุนแรง ล่าสุด ตำรวจบังกลาเทศเปิดเผยว่า ช่วยตัวประกันชาวบังกลาเทศออกมาได้แล้ว 5 คน และมีชาวต่างชาติ ซึ่งคาดว่าจะเป็นชาวญี่ปุ่นหลบหนีออกมาได้อีก 1 คน ขณะที่นายมาริโอ ปาลมา เอกอัครราชทูตอิตาลีประจำกรุงธากา เปิดเผยว่า คนร้ายไม่ต้องการจะเจรจากับเจ้าหน้าที่

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอามักของกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส รายงานว่า กลุ่มดังกล่าวซึ่งอ้างความรับผิดชอบได้โพสต์ภาพผู้เสียชีวิต ซึ่งอ้างว่าเป็นชาวต่างชาตินอนจมกองเลือด จากจำนวนผู้เสียชีวิตแล้วล่าสุด 24 คน อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ตำรวจบังกลาเทศ ยังยืนยันว่า มีตำรวจระดับสูงเพียง 2 นายเสียชีวิต ตำรวจและประชาชนได้รับบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 20 คน 

ทั้งนี้ เหตุวิกฤตจับตัวประกันเริ่มขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสังเกตเห็นคนร้ายจากบริเวณด้านนอกศูนย์การแพทย์แห่งหนึ่งในเขตกุลชาน ซึ่งเป็นเขตที่ตั้งของสถานทูตกาตาร์ อิตาลี และอียิปต์ โดยขณะเจ้าหน้าที่เข้าไปใกล้ กลุ่มคนร้ายก็ได้บุกเข้าไปในร้านอาหาร ซึ่งมีลูกค้าอยู่ภายในประมาณ 20 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ขณะที่ทางร้านสามารถรับรองลูกค้าได้ประมาณ 25 คน และมีพนักงานร้านอยู่ในช่วงเวลานั้น 15-20 คน 

พยานซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเล่าว่า ได้ยินเสียงปืนเป็นระยะตั้งแต่เวลาประมาณ 21.00. น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย เจ้าหน้าที่ได้ปิดถนนสายต่างๆ และมีหน่วยคอมมานโดอยู่ในที่เกิดเหตุหลายสิบนาย

ล่าสุด การปะทะกันได้จบลงแล้ว หน่วยคอมมานโด ช่วยเหลือตัวประกันได้เพิ่มอีก 

ด้านเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ส่งข้อความเตือนชาวอเมริกันในบังกลาเทศให้ระมัดระวัง  พร้อมรายงานไปยังประธานาธิบดีบารัก โอบามา ของสหรัฐฯ ให้รับทราบและติดต่อไปยังรัฐบาลบังกลาเทศเพื่อให้ความช่วยเหลือ  

กระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า กรณีกลุ่มคนร้ายโจมตีร้านอาหารย่านสถานทูตของกรุงธากา บังกลาเทศ จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่มีคนไทยถูกจับเป็นตัวประกันหรือได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าว ขอให้คนไทยในบังกลาเทศติดตามข้อมูลข่าวสาร

ทีมต่างประเทศ

CR:AFP,CBCNEWS