*คสช.จับตานักการเมืองเคลื่อนไหว/เจ้าสัวซีพีชี้ไทยพร้อมสู่ยุค4.0/ค้นอาบอบนวดเอี่ยมนาตารี*

01 กรกฎาคม 2559, 18:35น.


*สรุปข่าว 19.35น*



++++ ความเคลื่อนไหวของนักการเมืองในระยะนี้  พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ในกรณีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย นัดอดีตนักการเมืองมาหารือกัน ยังไม่มีรายละเอียด เป็นเพียงกระแสว่าจะมีการพูดคุย ยังไม่มีอะไรพิเศษ หากคุณหญิงสุดารัตน์ ไปจับมือนักการเมืองออกมาเคลื่อนไหวจะผิดหรือไม่นั้น ทางฝ่ายกฎหมายติดตามอยู่ แต่การปฏิบัติยังไม่เกิด เป็นเพียงแนวความคิดว่าจะทำแบบนั้น ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์ว่าคสช.ไฟเขียวให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยนั้น พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวว่า คสช.ติดตามการเคลื่อนไหวของทุกฝ่าย พร้อมประเมินพฤติกรรม โดยนำพฤติกรรมในอดีตมาเปรียบเทียบว่าเขาหวังผลต่อสิ่งใด ยืนยัน คสช.ไม่เข้าข้างหรือยืนข้างใดข้างหนึ่ง แต่ คสช.ยืนอยู่ข้างประชาชนเท่านั้น



+++นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.) กล่าวถึงการที่ไทยจะก้าวสู่ประเทศอุตสาหกรรมยุคใหม่ หรือ ประเทศไทยยุค 4.0 นั้น รัฐบาลจำเป็นต้องมีนโยบายในการขับเคลื่อนประเทศอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิประโยชน์ที่นักลงทุนจะได้รับหลังเข้ามาลงทุนในประเทศไทย พร้อมดึงดูดนักลงทุนใหม่ๆให้เข้ามาลงทุนมากขึ้น ยืนยันว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีความพร้อมมากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน แม้ว่านักลงทุนจะเลือกลงทุนอยู่ 3 ประเทศ คือ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม รวมถึงรัฐบาลจำเป็นต้องสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SME มีความแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันต้องพัฒนาฝีมือแรงงานไทย ก่อให้เกิดการจ้างงานและรายได้ที่สูงขึ้น สำหรับ การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า มองว่า ไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ากังวลแต่อย่างใด แต่อยากให้รัฐบาลวางแผนระยะยาว พร้อมออกกฎหมายที่ทุกรัฐบาลสามารถดำเนินการต่อได้ เพื่อความต่อเนื่องและสอดคล้องกับสถานการณ์ 



+++กฏหมายฟื้นฟูกิจการเอสเอ็มอี(SME)มีผลบังคับใช้เมื่อ 25 พฤษภาคม ซึ่งกฎหมายฉบับนี้เปิดโอกาสให้เอสเอ็มอีที่ประสบปัญหาสภาพคล่อง ไม่สามารถชำระหนี้ได้แต่มีช่องทางดำเนินธุรกิจสามารถยื่นขอฟื้นฟูกิจการได้ โดยจะต้องเป็น บริษัทจำกัด นิติบุคคล และบุคคลธรรมดา ที่มีหนี้ไม่เกิน 10 ล้านบาท น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี เปิดเผยว่า กรมบังคับคดี ได้เปิดศูนย์รับเรื่องจากผู้ประกอบการที่ต้องการขอฟื้นฟูกิจการที่สำนักงานบังคับคดีทั่วประเทศ 115แห่งโดยกรมทำหน้าที่เป็นหน่วยกลางเหมือนศูนย์ดำรงธรรมจัดให้ลูกหนี้ ได้พูดคุยไกล่เกลี่ยกับเจ้าหนี้และจะช่วยส่งเรื่องไปยังธนาคารเจ้าหนี้เพื่อธุรกิจสามารถเดินต่อไปได้ ซึ่งจะประสานธนาคารส่งเจ้าหน้าที่เป็นการเฉพาะรับเรื่องช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและให้ใช้สถานที่สำนักงานบังคับคดีในต่างจังหวัดทุกจังหวัดเป็นสถานที่เจรจาไกล่เกลี่ยได้



+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดพุ่งขึ้นในวันนี้ ทำสถิติปิดบวกติดต่อกัน 5 วันทำการ โดยตลาดได้แรงหนุนหลังจากธนาคารกลางอังกฤษส่งสัญญาณว่าใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นหลังจากที่อังกฤษลงประชามติออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit)ปิดพุ่งขึ้น 106.56 จุด ที่ 15,682.48 จุด



+++ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันสถาปนาเขตปกครองพิเศษฮ่องกง เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทย ปิดทำการวันหยุดครึ่งปีธนาคาร



+++ตัวแทนญาติของผู้เสียหาย จำนวน 20 คน  ที่ถูกจับกุมที่สถานบริการนาตารีอาบอบนวด  และศาลได้ติดสินและสั่งปรับเงิน และชำระค่าปรับแล้ว  แต่เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.)  ยังไม่ยอมปล่อยตัว   อ้างว่าจะกันตัวไว้เป็นพยาน   เข้าร้องเรียน กสม. โดยนางอังคณา นีละไพจิตร  กสม. เป็นผู้รับหนังสือด้วยตัวเองโดยตัวแทนญาติผู้เสียหายต้องการให้ กสม.ตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว  เพราะตามกฎหมายแล้ว  เมื่อศาลตัดสินและสั่งปรับ  และได้เสียค่าปรับแล้ว ญาติควรไปขอรับตัวได้ ด้าน นางอังคณา กล่าวว่า หลังจากนี้ กสม.จะสอบสวนข้อเท็จจริง โดยการเข้าเยี่ยมผู้ต้องหา และขอข้อมูลจากพนักงานสอบสวนและ สตม. สำหรับผู้ต้องหาที่มีการยื่นให้กรรมการสิทธิตรวจสอบนั้น  มีผู้ต้องหา 21 คน เป็นหญิงสาวจากประเทศเพื่อนบ้าน   และ 1 ในนั้น มีอายุต่ำกว่า 18 ปี   ซึ่งผู้ต้องหาอายุต่ำกว่า 18 ปี อยู่ในการดูแลของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์  อีก 20 คน อยู่ในการควบคุมของ สตม.



+++ด้านพลตำรวจตรีจารุวัฒน์ ไวศยะ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมตำรวจ 191 และ สน.ห้วยขวาง กว่า 50 นาย นำหมายศาลเข้าค้น สถานบริการอาบ อบ นวด เอไลน่า ปากซอยรัชดาภิเษก 7 หลังพบว่า สถานบริการดังกล่าว มีความเชื่อมโยงกับสถานบริการอาบ อบ นวด นาตารี ถนนรัชดาภิเษก ซึ่งถูกตรวจค้น จับกุมฐานลักลอบค้าประเวณีและค้ามนุษย์ เบื้องต้น พบหญิงบริการประมาณ 20 คน ทั้งหมดอายุเกิน 18 ปี และไม่พบการกระทำผิดกฎหมาย การตรวจค้นครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังมีหมายจับนายนรินทร์ ใจบำรุง ผู้บริหารของอาบ อบ นวด เอไลน่า รวมถึง บริษัท พีพีที เอส คอนสตรัคชั่น ซึ่งเป็นชื่อนิติบุคคลของ อาบอบ นวด เอไลน่า ในข้อหาร่วมกันทำผิดฐานค้ามนุษย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่พบหลักฐานว่า สถานบริการ อาบ อบ นวด นาตารี และเอไลน่า มีความเชื่อมโยงทางการเงิน ในลักษณะสนับสนุนซึ่งกันและกัน ส่วนเจ้าของจะเป็นคนเดียวกันหรือไม่ ยังไม่สามรถตอบได้ ขณะเข้าตรวจค้น ไม่พบตัวนายนรินทร์ คาดว่าไหวตัวหลบหนี หลังจากนี้ จะเสนอให้ปิดสถานบริการแห่งนี้อย่างถาวร โดยไม่พิจารณาต่อใบอนุญาตให้อีก



+++ผลการศึกษาของสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ พบว่า ประเทศไทยมีผู้ต้องขังประมาณ 320,308 คน ซึ่งมากเป็นอันดับ 6 ของโลก และเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น และพบว่า ผู้ต้องขังร้อยละ 36.2 มีปัญหาสุขภาพจิตรวมถึงโรคทางจิต จำแนกเป็นโรคจากสารเสพติด ร้อยละ 21.9 บุคลิกภาพแบบต่อต้านสังคมร้อยละ 19.1 โรคไบโพลาร์ ร้อยละ 9.1 โรคซึมเศร้าร้อยละ 8.4 และเสี่ยงต่อฆ่าตัวตายร้อยละ7.2 ในรายที่มีโรคทางจิตรุนแรงจะมีมากกว่าประชากรทั่วไปถึง 3 เท่า แต่การเข้าถึงบริการสุขภาพจิตยังเป็นปัญหามาก  ทำให้ผู้ต้องขังที่มีความเจ็บป่วยทางจิตอาจก่อคดีซ้ำ ทาให้ครอบครัว และสังคมไม่ปลอดภัย นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผู้อานวยการสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ได้ให้บริการผู้ป่วยจิตเวชต่างๆ เฉลี่ยสูงถึง 41,000 รายต่อปี และผู้ป่วยในเฉลี่ย 3,600 รายต่อปี ทำให้สถาบันฯ ประสบปัญหา จำนวนเตียงผู้ป่วยในไม่เพียงพอ ซึ่งปัจจุบันมีเพียง 185 เตียงเท่านั้น ในขณะที่ความต้องการของประชากรใน 8 จังหวัดที่รับผิดชอบอยู่ที่ 600 เตียง  ดังนั้น จึงมีการปรับปรุง ตึกนิติรักษ์ ซึ่งเป็นตึกผู้ป่วยทั่วไปให้สามารถรองรับผู้ป่วยใน ที่ส่งต่อมาจากเครือข่ายได้เพิ่มขึ้น  นอกจากนี้ สถาบันฯ ยังแก้ปัญหาด้วยการให้บริการเชิงรุกด้านจิตเวชชุมชนในเขตสุขภาพที่ 5 ซึ่งครอบคลุม 8 จังหวัดในภาคกลางตอนล่าง และ 7 เขตทางตะวันตกของกรุงเทพฯ รวมทั้งการดำาเนินโครงการความร่วมมือทางวิชาการกับต่างประเทศ เช่น โครงการวิกฤติสุขภาพจิต(Crisis Mental Health) และงานนิติสุขภาพจิต (Forensic Mental Health) ได้แก่ โครงการพัฒนาระบบดูแลสุขภาพจิตผู้ต้องขังจิตเวช ในเรือนจำ เป็นต้น เพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มขึ้น



++การติดตามคดีหลอกลวงสูญเสียทรัพย์สิน พ.ท.นพสิทธิ์ พงศ์วราพิศาล รองผู้บังคับการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.มหาสารคาม เปิดเผยว่า มีประชาชน 4 ราย เข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม อ.บรบือ จ.มหาสารคาม หลังถูกหญิงสาวรายหนึ่งอ้างตัวเป็น นายทหารยศพันตรี หลอกลวงเอาเงินอ้างว่าสามารถฝากเข้ารับราชการทหารได้ เมื่อได้เงินแล้วก็ขาดการติดต่อหายไป จากการตรวจสอบในทะเบียนราษฎร์ พบว่าฝ่ายหญิงเคยเปลี่ยนชื่อมาแล้วจำนวน 22 ครั้ง ฝากถึงประชาชนที่เป็นผู้ปกครองให้นำเงินมาลงทุนสนับสนุนการศึกษาของบุตรให้ดีมีคุณภาพ แทนการนำเงินไปฝากผู้อื่นให้ทำงาน และอย่าหลงเชื่อบุคคลที่มาชักชวนเสียเงินเพี่อเข้ารับราชการทหาร หากพบเจอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.มหาสารคาม เพื่อจับกุมดำเนินคดี



+++ความคืบหน้าเหตุระเบิดในอู่ต่อเรือชาติชายชลธารรุ่งสวัสดิ์ หมู่ที่ 6 ต.สนามชัย อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 4 ราย เป็นแรงงานไทย 3 ราย คือ นายสเวียง เวชสวัสดิ์ นายสุรินทร์ ทรัพย์สืบ นางบรรจง พิทักษ์กุล และนายชู สัญชาติกัมพูชา เบื้องต้นเหตุเกิดขณะคนงานกำลังทำงานก่อสร้างเรือและมีวัตถุไวไฟ โดยได้เกิดประกายไฟจากการเชื่อมหรือเจียรอุปกรณ์การสร้างเพื่อพ่นสี และเป็นพื้นที่อับอากาศ ทำให้เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ขณะนี้เจ้าหน้าที่เร่งพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบสาเหตุของการระเบิดครั้งนี้



+++แก้ปัญหานักเรียนตีกัน หลังการประชุมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมว่า ที่ประชุมมีแนวคิดพิจารณาให้นักเรียนตีกัน ที่ส่วนใหญ่พบว่าจะมีอายุช่วงระหว่าง 18-20 ปี จะถูกคัดเลือกชื่อขึ้นบัญชีดำหรือแบล็กลิสต์เป็นทหารเกณฑ์ เมื่อศึกษาจบและอายุเข้าเกณฑ์ก็จะถูกคัดเลือกเป็นทหารเกณฑ์ทันที โดยไม่ต้องผ่านการตรวจเลือกทหาร โดยขณะนี้กำลังศึกษาข้อกฎหมายอยู่ว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่ และมีความเหมาะสมหรือไม่



+++หนังสือพิมพ์ซาบาห์ของตุรกี รายงานว่า กลุ่มคนร้ายได้สำรวจพื้นที่และวางแผนจะจับผู้โดยสารหลายสิบคนเป็นตัวประกันเพื่อสังหารหมู่ แต่ต้องลงมือเร็วกว่าแผนที่วางไว้เพราะสวมเสื้อคลุมยาวปกปิดระเบิดที่ติดตัวไว้ทั้งที่เป็นช่วงฤดูร้อนจึงเป็นที่ผิดสังเกตทั้งของตำรวจและคนทั่วไป สื่อตุรกีระบุชื่อนายอัคห์เมต ชาตาเยฟ จากสาธารณรัฐเชเชนของรัสเซียว่าเป็นผู้บงการการก่อเหตุดังกล่าวที่มีผู้เสียชีวิตแล้ว 44 คน และเป็นหัวหน้ากลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในนครอิสตันบูล ด้านหนังสือพิมพ์ฮูร์ริเยตระบุว่า นายชาตาเยฟต้องสงสัยบงการเหตุระเบิด 2 ครั้งในย่านท่องเที่ยวและย่านชอปปิงในนครอิสตันบูลเมื่อต้นปีนี้ และว่าคนร้ายทั้งสามคนได้เช่าห้องพักในย่านที่ชาวซีเรียและชาวอาหรับนิยมพักอยู่ โดยจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าหนึ่งปี ผู้เช่าชั้นบนให้การกับตำรวจที่บุกตรวจค้นหลังเกิดเหตุว่า คนร้ายปิดม่านตลอดเวลา เธอไม่เคยเห็นหน้าพวกเขาแต่ได้ยินเสียงพูดคุยและได้กลิ่นเหม็นฉุนเหมือนสารเคมี



 

ข่าวทั้งหมด

X