*รองโฆษกสตช.เผยผู้เสียหายจากคดีหญิงไก่ ฟ้องกลับตร.ได้หากไม่เป็นธรรม*

จากกรณี นาวสาวประภาวรรณ ใจกล้า หรือน้องก้อย อายุ19 ปี เข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง หลัง บิดาและมารดา ถูกนายจ้าง ชื่อ หญิงไก่ แจ้งความดำเนินในข้อหาลักทรัพย์ โดยอ้างว่ามีทรัพย์หายไปกว่า 11รายการ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท พันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่าหญิงไก่ มีชนชั้นระดับคุณหญิงจริงหรือไม่ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหา แจ้งความอันเป็นเท็จไว้ก่อน ส่วนข้อหาอื่นๆ ต้องรอรวบรวมพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบประวัติของหญิงไก่ นายจ้างรายดังกล่าวด้วย ส่วนก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เอาหลักฐานอะไรไปกล่าวหาจนทำให้ผู้บริสุทธิ์ถูกจำคุก จะถือเป็นความบกพร่องของพนักงานสอบสวนหรือไม่ คงต้องไปดูรายละเอียดว่าพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาบนพื้นฐานอะไร และหาสาเหตุที่พนักงานสอบสวนสั่งฟ้องผู้ต้องหา ถ้าพนักงานสอบสวนมีความบกพร่อง ต้องดูว่าสำนวนมีความบกพร่องตรงจุดไหน อย่างไรก็ตามหากรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็มีสิทธิ์ฟ้องกลับ นอกจากนี้ยังมีกฎหมายที่เยียวยาผู้เสียหายด้วย เพราะถ้ามีความบกพร่องต้องมีคนรับผิดชอบ

พันตำรวจเอกกฤษณะ กล่าวว่า กระบวนการสอบสวนของไทยเป็นระบบกล่าวหา ซึ่งการกล่าวหาผู้หนึ่งผู้ใด เจ้าหน้าที่จะต้องรวบรวมพยานหลักฐาน บางครั้งผู้ที่มาแจ้งความร้องทุกข์อาจจะไม่พูดเรื่องจริงทั้งหมด คดีลักษณะนี้เกิดขึ้นจำนวนมากในประเทศไทย ในการรวบรวมหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดของผู้ต้องหานั้นเป็นดุลยพินิจของพนักงานสอบสวนกับประกับหลักฐานที่มีในบางครั้งการสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้องก็ได้  บางครั้งสั่งฟ้องแล้วพนักงานอัยการสั่งให้สอบเพิ่มก็มี ซึ่งเป็นอำนาจที่ถ่วงดุลกันอยู่แล้ว โดยส่วนตัวไม่อยากให้มองว่าเป็นความผิดพลาดของพนักงานสอบสวน  อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้เสียหายรายอื่นๆ รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการดำเนินคดีให้มาแจ้งข้อความกับพนักงานสอบสวนได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าว พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ไม่ได้นิ่งนอนใจ

ผู้สื่อข่าว:เกตุกนก ครองคุ้ม