+++หลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศยกระดับไทยขึ้นเป็นเทียร์ 2 พ้นจากเทียร์ 3 ในรายงานสถานการณ์ค้ามนุษย์ประจำปี 2559 พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พอใจผลการประกาศดังกล่าว แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลสหรัฐฯ เล็งเห็นถึงความพยายามและตั้งใจจริงของไทยในการแก้ไขปัญหา และชื่นชมผู้อยู่เบื้องหลังผลงานนี้ทุกระดับ ความสำเร็จครั้งนี้ถือเป็นบทพิสูจน์ในขั้นต้นว่าความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่ายโดยเฉพาะผู้ประกอบการอุตสาหกรรมประมงและชาวประมงทุกคน ที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนร่วม ซึ่งในที่สุดผลดีก็จะคืนกลับไปที่คนเหล่านี้ ขณะเดียวกันรัฐบาลและหน่วยราชการทุกหน่วย ก็ยังจะยืนหยัดเดินหน้าทำงานต่ออย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อขุดรากถอนโคนปัญหาการค้ามนุษย์ รวมถึงสร้างความยั่งยืนให้แก่กิจการประมงไทยและการรักษาสมดุลของทรัพยากรธรรมชาติ
+++นายกฯ ฝากขอบคุณทุกฝ่ายที่ทุ่มเท เสียสละ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ประกอบการภาคเอกชน ชาวประมง รวมทั้งสื่อมวลชน ที่ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อร่วมกันพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ด้วยการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมประมงไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาการค้ามนุษย์ ให้มีความเป็นสากล และเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ นายกฯ ยังได้ให้กำลังใจทุกฝ่ายในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ โดยอยากให้ทุกคนมีความอดทน เปิดใจแก้ปัญหาร่วมกัน ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน แม้ว่าจะต้องอาศัยระยะเวลาบ้าง
+++ส่วนการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ โดยมีรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมกับนายกฯ คาดว่าที่ประชุมจะมีการหารือถึงสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูฝน และแผนการจัดการน้ำ ตามยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำปี 2559 เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยา ได้คาดการณ์สภาพอากาศ ว่า ในปีนี้จะมีปริมาณน้ำฝนมากกว่าปีที่แล้ว
+++นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ดำเนินการในการปฏิรูประยะที่ 1 การประชุมวันนี้จะต้องลงรายละเอียดว่ามีการดำเนินการอะไรแล้วบ้าง และต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแผนที่มีอยู่เดิมอย่างไรบ้าง ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องหารือกันเพื่อแก้ปัญหาทั้งระบบ ทั้งการเก็บน้ำ พร่องน้ำ ว่าจะมีการเตรียมการรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตอย่างไร โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค การเกษตร รวมถึงน้ำในระบบอุตสาหกรรมและการรักษาระบบนิเวศ ซึ่งจะต้องดำเนินการตามความเดือดร้อนและความจำเป็น
+++นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึง หลักในการเลือกตั้งหรือการออกเสียงประชามติว่าการทำให้ประชาชนเข้าใจในประเด็นที่จะมีการออกเสียงประชามติ เช่นในขณะนี้สิ่งที่หนักหนาสาหัสมากคือประชาชนไม่ทราบหรือเข้าใจเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญเพียงพอที่จะตัดสินใจว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ บางคนที่ตัดสินใจแล้วก็เป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานการชี้นำของพวกพ้องหรือกลุ่มการเมือง ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อประชาธิปไตยมาก
+++สำหรับการปิดลงทะเบียนใช้สิทธิออกเสียงลงประชามติทางอินเทอร์เน็ตที่ กกต.เปิดให้ดำเนินการตั้งวันที่ 1 พ.ค.ถึง 30 มิ.ย.2559 มียอดผู้ลงทะเบียนทั้งสิ้น 158,423 คน ขณะที่การเปิดให้ยื่นลงทะเบียนด้วยตัวเองต่อนายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่นตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ถึงวันที่ 7ก.ค.2559 มียอดผู้ลงทะเบียน ณ วันที่ 30 มิ.ย.จำนวน 48,322 คน รวมมีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธินอกเขตเลือกตั้งแล้ว 206,745 คน ถือว่ายอดดังกล่าวค่อนข้างน่าพอใจ และใกล้เคียงกับการออกเสียงประชามติเมื่อปี 2550 อย่างไรก็ตามยังเหลือเวลาอีก 7 วันที่ประชาชนยังสามารถยื่นลงทะเบียนด้วยตัวเองได้ ซึ่งเชื่อว่าจะมีการยื่นขอลงทะเบียนเพิ่มอีกจำนวนมาก
+++ศาลอาญา นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีที่พนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายประชา โพธิพิพิธ หรือกำนันเซี๊ยะ และนางเขมพร ต่างใจเย็น ภรรยา เป็นจำเลยร่วมกันบุกรุกและถือครองที่ดินรัฐของสำนักงานธนารักษ์ บริเวณอำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี จำนวนเกินกว่า 50 ไร่ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2544 – 8 กุมภาพันธ์ 2545 คดีนี้ศาลชั้นต้น สั่งจำคุกทั้ง 2 คน ๆ ละ 11 ปี 4 เดือน และจำเลยได้ขอยื่นอุธรณ์ต่อสู้คดี เมื่อถึงเวลานัดจำเลยทั้ง2 ไม่ได้เดินทางมาศาล และจากการตรวจสอบการส่งหมายของศาล พบว่านางเขมพรได้รับหมายศาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และศาลเห็นว่าจำเลยไม่ได้แจ้งเหตุขัดข้อง ศาลอาญาจึงมีคำสั่งออกหมายจับนางเขมพร ขณะที่นายประชา ศาลออกหมายจับไว้ตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม 2559 เนื่องจากมีพฤติการณ์หลบหนี ไม่ยอมมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ทั้งนี้ศาลจึงเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุธรณ์ไปเป็นวันที่ 8 ส.ค. 2559
+++สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) หนึ่งในบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลกจากสหรัฐ ปรับลดเครดิตความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป(อียู) ลง 1 ขั้นจาก เอเอ+ ลงมาอยู่ที่ เอเอ โดยให้เหตุผลประกอบว่าเป็นไปตามการประเมินเสถียรภาพภายในอียู เอสแอนด์พี วิเคราะห์ว่างบประมาณของอียู อาจมีความยืดหยุ่นน้อยลง
+++ด้านการจัดเครดิตโดยฟิทช์ เรตติงส์ ลดความน่าเชื่อทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรจาก เอเอ+ ลงมาอยู่ที่ เอเอ
+++ ขณะที่ นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งอังกฤษ ( บีโออี ) ประเมินว่าภาวะเบร็กซิตจะส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร ในระยะหนึ่ง และบีโออีอาจต้องเพิ่มวงเงินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง ปัจจุบันสหราชอาณาจักรถือเป็นประเทศที่ให้การ สนับสนุนงบประมาณของอียูประจำปีนี้มากที่สุดเป็นลำดับ 3 รองจากเยอรมนีและฝรั่งเศส โดยสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 21 ร้อยละ16 และร้อยละ 13
+++นายแกรี่ ไรซ์ โฆษกกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่า ไอเอ็มเอฟ มองความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นว่าอาจจะเป็นความเสี่ยงจะเป็นปัญหาคุกคามใหญ่ที่สุดต่อเศรษฐกิจโลก เรียกร้องให้ผู้นำยุโรปและผู้นำในระดับกำหนดนโยบายดำเนินการอย่างเด็ดขาดที่จะลดความเสี่ยง เป็นที่คาดหมายว่าอียูและสหราชอาณาจักร ต้องเจรจาเกี่ยวกับขั้นตอนการออกจากอียู คาดว่าจะเป็นการเจรจาที่ยากลำบากและยืดเยื้อ
+++ขณะเดียวกันค่าเงินปอนด์ของอังกฤษร่วงลงไปอีกโดยปรับลดลงร้อยละ 1.0 โดยลงไปอยู่ที่ปอนด์ละ1.3314 ดอลลาร์ หลังจากที่นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางแสดงท่าทีว่าอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจจากกรณีเบร็กซิท ธนาคารกลางจะต้องดำเนินมาตรการเพื่อรับมือกับผลกระทบจากเบร็กซิท