*เมียนมาร์พร้อมรับผู้หนีภัยกลับ/หนี้ครัวเรือน ชะลอลงครั้งแรกในรอบ13ไตรมาส/กฟน.เดินหน้าเก็บสายไฟลงดิน*

01 กรกฎาคม 2559, 08:19น.


+++หลังเดินทางเยือนเมียนมาร์อย่างเป็นทางการ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า มีความร่วมมือในด้านความมั่นคงมากขึ้น โดยเฉพาะการแก้ปัญหาผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมาร์เข้ามาอยู่ในศูนย์พักพิงตามแนวของไทย เมียนมาร์พร้อมแก้ปัญหาร่วมกับไทยเพื่อพิจารณารับผู้หนีภัยกลับประเทศ แต่ขอเวลาในการจัดการพื้นที่รองรับภายในประเทศให้เกิดความสงบเรียบร้อยก่อน  ทั้งสองประเทศเห็นตรงกันให้ตั้งกรรมการร่วมไทย-เมียนมาร์เพื่อดำเนินการส่งกลับบางส่วนตามความเหมาะสมและเป็นไปตามแนวทางที่กำหนด หลังจากนี้จะให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการในรายละเอียดแต่ไม่สามารถตั้งเป้ากรอบเวลาในการส่งกลับผู้หนีภัยการสู้รบทั้งหมดได้ เพราะต้องคำนึงถึงสถานการณ์ และการเตรียมการรองรับเพื่อให้ผู้หนีภัยมีอาชีพทำกินและมีความปลอดภัย



+++เรื่องเศรษฐกิจ ปัญหาหนี้ครัวเรือนเริ่มมีสัญญาณดีขึ้นหลังไตรมาสแรกปีนี้ อัตราการขยายตัวชะลอลง ซึ่งหนี้ครัวเรือนระดับสูงเป็นแรงกดดันการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศต่อเนื่องมา 2 ปี ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รายงานตัวเลขหนี้ครัวเรือน สิ้นไตรมาสแรกปี 2559 มียอดหนี้คงค้างรวม 11.07 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมียอดหนี้คงค้างรวมที่ 10.58 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 4.96 แสนล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.69 แต่หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า หรือ สิ้นปี 2558 ซึ่งมียอดหนี้คงค้างอยู่ที่ 11.03 ล้านล้านบาท เท่ากับว่าไตรมาสแรกปี 2559 ครัวเรือนมีหนี้เพิ่มขึ้นประมาณ 3.8 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น เพียงร้อยละ 0.35  อัตราการเพิ่มถือว่าชะลอตัวลง โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่าสัดส่วนหนี้ครัวเรือนไทยล่าสุด  ไตรมาส 1ปีนี้ชะลอลงเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ไตรมาส หรือกว่า 3 ปี มาอยู่ที่ระดับร้อยละ 81.1 ต่อจีดีพี จากระดับร้อยละ 81.6 ต่อจีดีพี ณ สิ้นปี 2558



+++ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ทิศทางหนี้ครัวเรือน ต่อจีดีพีในช่วงครึ่งหลังของปี2559 มีโอกาสขยับขึ้นเล็กน้อยตามการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยหนุนบรรยากาศการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน



+++นางรุ่ง มัลลิกะมาส ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยเดือนพ.ค.ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า โดยได้แรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งเดือนนี้การบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นตามการใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทนเป็นหลัก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากกำลังซื้อของครัวเรือนภาคเกษตรที่เริ่มดีขึ้น ซึ่งเป็นผลจากราคาสินค้าเกษตรที่เริ่มสูงขึ้น และปัญหาภัยแล้งที่คลี่คลายลง



+++ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ธนาคารพาณิชย์ ได้เริ่มเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนบริการพร้อมเพย์ล่วงหน้าแล้ว ก่อนเปิดให้ลงทะเบียนอย่างเป็นทางการวันที่ 15 ก.ค.เป็นต้นไป ซึ่งธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ มีการประชาสัมพันธ์ให้ลงทะเบียนกับธนาคารตัวเองได้ก่อนเพื่อรักษาฐานลูกค้าไว้ ส่วนธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กที่มีฐานบัญชีน้อย และขนาดใหญ่บางแห่งได้จัดโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาลงทะเบียน เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าตัวเอง ทั้งการแจกเงินเข้าบัญชี ลุ้นทองคำ หรือฟรีสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ



+++ความเคลื่อนไหวสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 1.55 ดอลลาร์ ปิดที่ 48.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 93 เซนต์ ปิดที่ 49.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตลาดน้ำมันร่วงหนักในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้วต่อเนื่องจนถึงวันจันทร์ หลังสหราชอาณาจักรลงประชามติออกจากสหภาพยุโรป(อียู) ประกอบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าขึ้น หลังนายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ ส่งสัญญาณมีความเป็นไปได้ที่จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงฤดูร้อนนี้ สืบเนื่องจากเศรษฐกิจคงได้รับผลกระทบจากเบร็กซิต



+++ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก 3 วันติดต่อกัน นักลงทุนคลายความกังวลว่าเศรษฐกิจอเมริกาจะได้รับผลกระทบจากการที่อังกฤษแยกตัวจากอียู  ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 235.31 จุด ปิด 17,929.99 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 28.09 จุด ปิดที่ 2,098.86 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 63.43 จุด ปิดที่ 4,842.67 จุด  นักวิเคราะห์มองว่านักลงทุนในวอลล์สตรีทรู้สึกเชื่อมั่นมากขึ้นว่าสหรัฐฯจะไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากประเด็นดังกล่าว       

+++ราคาทองคำ ปิดในแดนลบ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 6.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,320.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์



+++เรื่องการจัดเก็บสายไฟฟ้าให้เรียบร้อยปลอดภัย  วันนี้ การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) นำทีมจัดระเบียบสายสื่อสาร ย่านถนนงามวงศ์งาน นายภัทรุตม์ ทรรทรานนท์ รองปลัด กรุงเทพมหานคร(กทม.) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าและสายสื่อสารโทรคมนาคมแบบอากาศเป็นระบบสายใต้ดิน โดยเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศใช้ไฟฟ้าใต้ดินและนำสายสื่อสารโทรคมนาคมลงใต้ดินทั้งหมด ร่วมกับกฟน.คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)  บริษัท ทีโอที นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานกรรมการ กฟน.กล่าวว่า รัฐบาลสั่งการให้เร่งนำสายไฟลงดินให้แล้วเสร็จจากเดิม 10 ปี ให้ลดเวลาเป็น 5 ปี โดยระหว่างนี้สายไฟที่ยังไม่ฝังลงดินให้จัดให้เป็นระเบียบ



+++ญาติของผู้เสียหายที่ถูกจับที่สถานบริการ นาตาลีอาบอบนวด เข้าร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรณีอ้างว่าถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยมีนางอังคณา  นีละไพจิตร  กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเป็นผู้รับเรื่องร้องเรียน



+++พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผู้กำกับการ 1 กองปราบปราม  ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียก น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล หรือ ป้อนข้าว อายุ 26 ปี อดีตโบรกเกอร์สาว ผู้ต้องหาคดีโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หมื่นล้าน ให้ปากคำในวันที่ 5 มิ.ย.กรณีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์



+++พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) เปิดเผยว่าภายหลังศาลให้ประกันตัวพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ภายใต้เงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย.สตม.ได้ขึ้นบัญชีดำหรือแบล็กลิสต์ ห้ามพ.ต.ท.บรรยินออกนอกประเทศแล้ว



+++ด้าน น.ส.วันเพ็ญ ธนธรรมสิริ พี่สาวของนายชูวงษ์ กล่าวว่า ผู้ที่ลงมือไม่ได้ก่อเหตุเพียงคนเดียว เนื่องจากลักษณะการเสียชีวิตและสภาพศพของนายชูวงษ์ ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ มั่นใจว่าพยานหลักฐานที่มอบให้ตำรวจ จะสามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีได้



+++คดีการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง ที่หายตัวจากร้านอาหารในกรุงเทพมหานครอย่างมีเงื่อนงำตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย. 2556 ก่อนเจ้าหน้าที่จะพบศพถูกฝังอยู่ในไร่ อ.เมือง จ.พัทลุง ในวันที่ 9 มิ.ย. 2556 ศาลอุทธรณ์ พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต 2 ผู้ต้องหาในคดีอุ้มฆ่านายเอกยุทธ ประกอบด้วย นายสันติภาพ เพ็งด้วง หรือบอล จำเลยที่ 1 และนายสุทธิพงศ์ พิมพิสาร หรือเบิ้ม จำเลยที่ 2 ผู้ต้องหาฐานความผิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พร้อมกันนี้ให้ชดใช้เงินแก่ทายาทผู้เสียชีวิต เป็นเงิน 1.9 ล้านบาท  สำหรับผู้ต้องหาทั้งสองคน ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยาน แต่มีพยานแวดล้อมเบิกความเป็นลำดับขั้นตอน โดยเฉพาะพี่เขยของนายสันติภาพ เบิกความว่านายสันติภาพกับผู้ชายอีก 1 คน มาสอบถามหาสถานที่ฝังศพ



+++นอกจากนี้ ยังพิพากษาจำคุกนายชวลิต วุ่นชุม จำเลยที่ 3 เป็นเวลา 13 เดือน และนายทิวากร เกื้อทอง จำเลย ที่ 4 เป็นเวลา 8 เดือน ฐานความผิดร่วมกันซ่อนเร้นอำพรางศพ (ขุดหลุมฝังศพ) ส่วน จ.ส.อ.อิทธิพล และนางจิตอำไพ จำเลยที่ 5-6 ซึ่งเป็นบิดา-มารดาของนายสันติภาพ  ศาลพิพากษาจำคุกคนละ 1 ปี 4 เดือน ฐานรับของโจร



 

ข่าวทั้งหมด

X