*นายกฯกำชับเร่งรัดปัญหาทุจริต ขยายหลักสูตรโตไปไม่โกง ครอบคลุมทุกโรงเรียน*

ภายหลังการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เป็นประธาน พล.อ.ชาตอุดม ติตถะสิริ ประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายภาครัฐ (คตร.) กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำการต่อต้านการทุจริต ให้มีผลเป็นรูปธรรม กระทรวงศึกษาธิการชี้แจงหลักสูตรโตไปไม่โกง และขยายผลไปถึงหลักสูตรลดเวลาเรียน เพิ่มเวลาเรียนรู้ นายกรัฐมนตรี สั่งให้เร่งรัดอบรมครูระดับอนุบาลถึงประถมศึกษา ให้ครอบคลุมทุกโรงเรียน  ส่วนกระทรวงกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) และ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) นายกรัฐมนตรีขอให้ช่วยดูแลเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นให้มากขึ้น เพื่อเปิดเผยข้อมูลการดำเนินการโครงการต่างๆของรัฐบาล  และสามารถเป็นประโยชน์กับประชาชนที่คอยติดตามและรายงานการป้องกันการทุจริต ด้วยการมอบหมายให้กรมบัญชีกลางดูแลเรื่องราคามาตรฐานการก่อสร้างที่ต้องมีเอกสารวิชาการที่ชัดเจนสอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างที่กำลังเสนอสภานิติบัญญัติ(สนช.)เพื่อพิจารณา

ส่วนข้อตกลงด้านคุณธรรมจะอบรมผู้สังเกตการณ์การจัดซื้อจัดจ้างของราชการให้มากขึ้น ส่วนองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นจะมีการจัดงานขึ้นในวันที่ 4 ก.ย. ที่ท้องสนามหลวง โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ประธานคตร. เปิดเผยว่า ได้รายงานสถานการณ์ของประเทศว่าขณะนี้ภาพลักษณ์การทุจริตคอรัปชั่นของไทยลดลง และดีที่สุดในรอบ 6 ปีและการเรียกสินบนลดลงกว่าครึ่ง

ด้านนายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐหรือ ป.ป.ท. กล่าวถึง โครงการอุดกลบบ่อบาดาลว่า พบสิ่งที่บอกว่าอาจจะไม่เป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งจะมีการตั้งอนุกรรมการไต่สวนต่อไป ขณะนี้จะตั้งศูนย์ร้องเรียนของต่างขาติ และจะมีการประสานกับเอกอัครราชทูตในกลุ่มอาเซียนเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน ส่วนของโครงการวันแมป ขณะนี้ดำเนินการเสร็จแล้วในทุกจังหวัดและอยู่ระหว่างคณะอนุกรรมการเข้ามาการตรวจสอบ แล้วจะเสนอนายกรัฐมนตรีให้แก้กฎหมายเพื่อให้มีผลบังคับใช้ คาดว่าแล้วเสร็จภายในเดือนก.ย.

ส่วนความคืบหน้าการสอบทุจริตโครงการจำนำข้าว ตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งมีเรื่องร้องทุกข์ 551 เรื่อง มีการตั้งอนุกรรมการไตร่สวนแล้ว 47 เรื่องและอยู่ระหว่างดำเนินการ 504 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับองค์การคลังสินค้า ซึ่งนายกรัฐมนตรีเร่งให้ดำเนินการตามกฎหมาย โดยป.ป.ท. กำหนดว่าจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน

ผู้สื่อข่าว:ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ