ผู้นำสหภาพยุโรป หรืออียู ร่วมการประชุมในวันที่ 2 ที่กรุงบรัสเซลส์ เบลเยียม โดยไม่มีนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน แห่งสหราชอาณาจักร สืบเนื่องมาจากการลงประชามติออกจากกลุ่มอียูเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้นายคาเมรอน กล่าวกับผู้นำ 27 ประเทศว่าความร่วมมือด้านการค้าและความมั่นคงควรคงอยู่ต่อไป ไม่ว่าความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ฝ่ายจะอยู่ในรูปแบบใดก็ตาม ทั้งยอมรับว่า เมื่อมีการประกาศผลประชามติแล้วก็ต้องปฏิบัติตามนั้น สหราชอาณาจักรไม่ควรเปลี่ยนใจกลับไปเป็นสมาชิกของอียูอีก
ทั้งนี้ นายฌอง คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป แสดงความเห็นว่า การเจรจาเรื่องการออกจากอียูไม่น่าจะใช้เวลานาน หากนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มาจากกลุ่มผู้ที่ต้องการเป็นสมาชิกอียูต่อไป การเจรจาก็น่าจะได้ข้อยุติภายเวลา 2 สัปดาห์ แต่หากมาจากกลุ่มออกจากอียูก็น่าจะทราบผลในวันถัดไปจากวันที่มีการแต่งตั้ง
ด้านกระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์ เรียกร้องให้คณะผู้บริหารของสหภาพยุโรปลาออก เพราะมีผลการทำงานที่ล้มเหลว ไม่สามารถทำให้สหราชอาณาจักรเป็นสมาชิกของอียูต่อไป ซึ่งยังแสดงให้เห็นถึงการไม่ฟังข้อเรียกร้องของพลเมืองประเทศสมาชิก
ส่วนนายจอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า นายคาเมรอนไม่มีความต้องการที่จะปฏิบัติตามมาตรา50 ของสนธิสัญญาลิสบอน เรื่องที่จะต้องออกจากอียูภายใน 2 ปี เพราะโดยส่วนตัวเขารณรงค์ให้สหราชอาณาจักรอยู่กับอียูมาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อทราบผลการลงประชามติและต้องเดินหน้าการเจรจา เขาจึงปัดให้เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีคนใหม่
..
F163