*หัวหน้าคสช.แจ้งให้ทูตไทยในต่างประเทศ ติดตาม บุคคลเคลื่อนไหวต่อต้านเตรียมใช้กม.ระหว่างประเทศ ดำเนินคดีกับ “โรส” แม้จะได้สัญชาติอังกฤษ *

ระหว่างการประชุมคณะเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ กับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)เมื่อวานนี้   นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้า คสช. ได้ขอให้ช่วยติดตามกลุ่มบุคคลที่มีการเคลื่อนไหวต่อต้านการรัฐประหารของไทยในต่างประเทศ ซึ่งสถานเอกอัครราชทูต จะต้องตรวจสอบก่อนว่าบุคคลดังกล่าวอาศัยอยู่ในประเทศนั้นหรือไม่ เช่น กรณีของนายจักรภพ เพ็ญแข ที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อกัมพูชา ก็ไม่ชัดเจนว่านายจักรภพ อยู่ในกัมพูชาหรือไม่ และรายงานข้อมูลกลับมายัง คสช.

สำหรับกรณีนายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักวิชาการอิสระ ซึ่งหลบเลี่ยงการรายงานตัวกับ คสช. หากนายวีรพัฒน์ รับเชิญให้ไปบรรยายพิเศษที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก็ขอให้สถานเอกอัครราชทูต ส่งเจ้าหน้าที่ไปรับฟังการบรรยายและสรุปข้อมูลพร้อมรายงานกลับมายัง คสช. ทั้งนี้สถานทูตมีขอบเขตอำนาจ ไม่สามารถจับกุมตัวได้

ส่วนการดำเนินคดีกับ น.ส.ฉัตรวดี อมรพัฒน์ หรือ 'โรส' ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบัน และเป็นผู้ที่ถูก คสช.เรียกมารายงานตัวนั้น โดยขณะนี้ น.ส.ฉัตรวดี อาศัยอยู่ที่ประเทศอังกฤษ และได้สัญชาติอังกฤษไปแล้ว ทำให้ทางการไทยไม่สามารถนำตัวกลับมาดำเนินคดีตามกฎหมายไทยได้ แต่สามารถใช้กฎหมายระหว่างประเทศในการดำเนินการได้

นอกจากนั้น ยังได้มอบหมายให้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รองผบ.ทบ.ในฐานะเลขาธิการคสช. เป็นประธานการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อติดตามสถานการณ์ประจำวัน และความคืบหน้าของการดำเนินงานของคสช. โดยมีตัวแทนจากส่วนงานต่างๆ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายเร่งพิจารณาข้อมูลเรื่องร้องเรียนที่ได้รับ ทั้งจากการยื่นหนังสือและผ่านทางศูนย์รับเรื่องร้องเรียนเพื่อเดินหน้าเร่งแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนโดยด่วน ทั้งนี้หากเรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย ขอให้ฝ่ายกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม เข้าไปช่วยเหลือ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาไปได้อย่างรวดเร็วขึ้น

ส่วนเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติด ขอให้เจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ และพลเรือน เร่งบูรณาการการทำงานร่วมกัน โดยหลีกเลี่ยงการใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก แต่ขอให้ใช้อำนาจตามกฎหมายปกติเข้าดำเนินการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด