อียูยังต้องการรักษาความใกล้ชิดกับสหราชอาณาจักรให้มากที่สุดหลังออกจากกลุ่ม

29 มิถุนายน 2559, 07:22น.


นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน แห่งสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่าสมาชิกของสหภาพยุโรป หรืออียู ประเทศอื่น ๆ ต่างต้องการมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหราชอาณาจักรให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากที่สหราชอาณาจักรมีมติถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกของอียู คำกล่าวของนายกรัฐมนตรีคาเมรอนมีขึ้นหลังการหารือกับผู้นำอียู ซึ่งเขากล่าวว่าความร่วมมือด้านการค้าและความมั่นคงจะขึ้นอยู่กับขนาดของความสัมพันธ์ในอนาคต แต่ที่เป็นกังวลก็คือปัญหาเรื่องผู้อพยพลี้ภัย ที่นายกรัฐมนตรียอมรับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้มีสิทธิ์ลงประชามตินำมาใช้ในการตัดสินใจออกจากการเป็นสมาชิกกลุ่ม



ด้านนายกรัฐมนตรีอันเกลา แมร์เกิ้ล แห่งเยอรมนี เปิดเผยว่าอียูจะต้องให้ความเคารพต่อผลประชามติที่ออกมา แต่สหราชอาณาจักรก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกรับผลประโยชน์จากอียูเช่นกัน โดยเฉพาะการใช้นโยบายตลาดเดียว โดยในการหารือระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำระหว่างผู้นำอียูดำเนินไปอย่างตึงเครียด ทุกคนต่างแสดงความผิดหวังต่อผลการลงประชามติ แต่ก็เป็นที่ชัดเจนว่าทุกคนยังต้องรอให้สหราชอาณาจักรปฏิบัติตามมาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอน เพื่อให้การออกจากกลุ่มมีผลทางกฎหมายต่อไป ซึ่งนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ระบุว่าจะเป็นหน้าที่รัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งนอกจากนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรยังยอมรับว่า เขาคาดหวังว่าผลของการลงประชามติจะออกมาว่า ประชาชนต้องการเป็นสมาชิกของอียูต่อไป แต่เมื่อผลออกมาเช่นนี้และเมื่อเราทุกคนต่างก็เป็นนักการเมือง จึงไม่ควรเสียเวลาไปกับการคร่ำครวญมากนัก



..



F163

ข่าวทั้งหมด

X