อียูและจีนเตือนผลกระทบจากBrexit/พรรครัฐบาลสเปนชนะเลือกตั้ง/น้ำมันโลกลด*

ตามที่นายเดวิด คาเมรอน ประกาศว่าจะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเดือนตุลาคมนี้  หลังจากที่พ่ายการลงประชามติ ที่สหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป หรืออียู โดยมีการตั้งคณะทำงานพิเศษเพื่อให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการแยกตัว และทางเลือกต่างๆ ในกรณีที่ไม่ได้เป็นสมาชิกอียูต่อไป ขณะที่พรรคอนุรักษ์นิยม คาดว่าจะได้ข้อสรุปก่อนวันที่ 2 กันยายนนี้

ด้านนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เกิ้ลผู้นำเยอรมนี ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ของฝรั่งเศสและนายกรัฐมนตรีมัตเตโอ เรนซี อิตาลี ร่วมการประชุมหารือ และระบุว่า ตามขั้นตอนของการออกจากการเป็นสมาชิกกลุ่มอียู สหราชอาณาจักรจะต้องแจ้งต่ออียูอย่างเป็นทางการก่อน ว่าต้องการใช้อำนาจตามมาตรา 50 แสดงเจตนาว่าจะออกจากกลุ่ม จากนั้นจึงเป็นการเจรจา โดยในวันพฤหัสบดี จะมีการประชุม 2 วันที่บรัสเซลส์

นายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง ของจีน เห็นว่าการที่สหราชอาณาจักรถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปทำให้เศรษฐกิจโลกไร้ความแน่นอน ขณะที่เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มขาลง คำกล่าวของนายกรัฐมนตรีจีน มีขึ้นในการประชุมประจำปี เวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรัม (ดับเบิลยูอีเอฟ) ซึ่งจัดขึ้นที่เทียนจิน ทางเหนือของจีน โดยระบุว่า เศรษฐกิจจีนที่มีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก กำลังถูกกดดันจากปัญหาศักยภาพล้นเกิน การลงทุนชะลอตัวและอุปสงค์ซึมเซา แต่ยุโรปยังคงเป็นหุ้นส่วนสำคัญสำหรับจีน และจีนจะยังคงทุ่มเทเพื่อรักษาพัฒนาการที่ดีระหว่างจีน-ยุโรป และสหราชอาณาจักร

นายมาริอาโน ราฮอย นายกรัฐมนตรีรักษาการของสเปน จะใช้สิทธิ์จากผลการเลือกตั้งครั้งที่ 2 ในการบริหารประเทศ หลัง พรรคพีพี ซึ่งเป็นพรรคการเมืองนโยบายฝ่ายขวา-กลางของเขา ชนะด้วยคะแนนเสียงส่วนใหญ่ 137 ที่นั่งจากจำนวน ส.ส.ในสภา 350 ที่นั่ง ซึ่งมากกว่าการเลือกตั้งเมื่อ 6 เดือนก่อน 14 ที่นั่ง แม้จำนวนที่นั่งยังไม่ถึง 176 ที่นั่งเพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ซึ่งอาจต้องจัดตั้งเป็นรัฐบาลผสม ขณะที่พรรคสังคมนิยมยังอยู่อันดับ 2 เหมือนครั้งแรกมี 85 ที่นั่ง ส่วนพรรคฝ่ายซ้ายจัด ยูนิดอส โปเดมอส อยู่อันดับ 3 มี 71 ที่นั่ง

ด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอส เผยแพร่คลิปวิดีโอปลุกระดมมุสลิมในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ให้ไปร่วมการต่อสู้กับไอเอสในซีเรีย โดยในภาพที่มีการเผยแพร่เป็นนักรบไอเอสจากอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และ มาเลเซีย ร่วมกันเรียกร้องให้มุสลิมในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้เดินทางไปร่วมต่อสู้กับไอเอสในซีเรีย หรือในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้ายอาบูซายาฟ ซึ่งบ่งบอกถึงความร่วมมือกันของกลุ่มหัวรุนแรงในภูมิภาค และอาจเป็นสัญญาณบอกเหตุถึงสถานการณ์ความรุนแรงที่อาจขยายตัวมากขึ้นในพื้นที่

ส่วนที่เยเมน สมาชิกกลุ่มไอเอสโจมตีทหารฝ่ายทางการ 3 จุดในเมืองมูลคัลลา ซึ่งเป็นเมืองเอกของจังหวัดฮาดราเมาต์ และศูนย์ขนส่งสินค้าสำคัญ มีทหารเสียชีวิต 38 นาย และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 24 คน

ด้านความสัมพันธ์ระหว่าง อิสราเอลกับตุรกีที่มีความขัดแย้งนานกว่า 6 ปี แต่ภายในสัปดาห์นี้จะมีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตครั้งใหม่ระหว่าง 2 ประเทศ

นายยายโรดริโก ดูเตร์เต วัย 71 ปี ว่าที่ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์คนใหม่ มีกำหนดสาบานตนรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีนี้ แต่เขายังคงกล่าวตอบโต้กลุ่มสิทธิมนุษยชนที่วิพากษ์วิจารณ์การที่นายดูเตร์เต มีแผนจะกลับมาใช้โทษประหารชีวิต และแนวทางการปราบปรามอาชญากรรมแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ซึ่งนายดูเตร์เตกล่าวว่า การทำสงครามต่ออาชญากรรมและการใช้โทษประหารชีวิต เป็นแนวคิดแบบการล้างแค้นเพราะผู้ที่ฆ่าคนอื่นก็สมควรถูกฆ่าด้วยเช่นกัน

ธนาคารโลก อนุมัติวงเงินช่วยเหลือมูลค่า 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้เวียดนาม เพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์การเติบโตแบบสีเขียว เพื่อต่อสู้กับวิกฤติโลกร้อน และเป็นไปตามความร่วมมือของรัฐภาคีของความตกลงปารีส ที่เป็นตราสารภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชา ชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ทางการอินเดียจำคุกนักเรียนหญิงอายุ 17 ปีคนหนึ่ง ซึ่งสอบได้คะแนนเป็นอันดับที่ 1 ของรัฐพิหาร ทางตะวันออกของประเทศ หลังจากพบว่าเธอโกงข้อสอบ โดยเจ้าหน้าที่พบพิรุธหลังจากเธอระบุในวิดีโอบันทึกการสัมภาษณ์ของเธอว่า วิชาเอกรัฐศาสตร์ที่เธอเลือก เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำอาหาร ซึ่งหลังจากที่ถูกจับกุมตัว เธอต้องเข้าสอบใหม่เป็นครั้งที่ 2 แต่ผลการสอบไม่ผ่าน ต่อมาในการพิจารณาคดีเมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน ผู้พิพากษาจึงตัดสินลงโทษจำคุกนักเรียนหญิงท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่า ควรส่งไปควบคุมตัวที่สถานกักกันเยาวชนมากกว่า นอกจากนี้แล้วอินเดียยังจับกุมนักเรียนอีกหลายคน รวมทั้งนักเรียนที่สอบได้ที่ 1 ในวิชาวิทยาศาสตร์ แต่กลับไม่สามารถบอกได้ว่า H2O เป็นสูตรทางเคมีของน้ำ    

ทั้งนี้ เมื่อปี 2558 มีภาพแสดงให้เห็นผู้ปกครองจำนวนมากปีนอาคารเรียนเพื่อส่งคำตอบข้อสอบให้แก่เด็กในปกครองของตัวเอง ทำให้รัฐพิหารออกมาตรการเข้มงวดในการคุมสอบ ทำให้อัตราการสอบผ่านของรัฐพิหารที่ประกาศเมื่อเดือนก่อน ออกมาต่ำมาก

ตลาดหุ้นสหรัฐ ปรับลดลงอย่างหนักในการซื้อขายเมื่อคืนนี้  ดาวโจนส์ ลดลง 260.51 จุด หรือร้อยละ 1.50 ปิดที่ 17,140.24 จุด

เอสแอนด์พี ลดลง 36.87 จุด หรือร้อยละ 1.81 ปิดที่ 2,000.54 จุด

แนสแดค ลดลง 113.54 จุด หรือร้อยละ 2.41 ปิดที่ 4,594.44 จุด

ส่วนราคาน้ำมันปิดลบเช่นกัน สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 1.31 ดอลลาร์ ปิดที่ 46.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.25 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

*-*