*นักวิเคราะห์คาดบริษัทสหรัฐฯชะลอการลงทุนหลังอังกฤษออกจากEU*

27 มิถุนายน 2559, 21:41น.

นายวิลเลียม ลี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำทวีปอเมริกาเหนือของบริษัทซิตีกรุ๊ป สหรัฐฯระบุว่า การลงทุนของภาคธุรกิจเอกชนสหรัฐฯที่ลดลงมากอยู่ก่อนแล้วนับตั้งแต่วิกฤติการเงินทั่วโลก อาจจะลดลงมากยิ่งขึ้น หลังการลงประชามติออกจากกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)ของอังกฤษหรือเบร็กซิตก่อให้เกิดความเสี่ยงเพิ่มขึ้นสำหรับภาคเอกชน ที่ผ่านมาการลงทุนในประเทศของภาคเอกชนสหรัฐฯขยายตัวไม่มากนัก บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งของสหรัฐฯรวมถึงบริษัทผลิตเครื่องบินโบอิง,บริษัทผลิตรถยนต์ฟอร์ด มอเตอร์,บริษัทผู้ผลิตเครื่องกลหนักแคทเธอร์พิลลาร์ และบริษัทผลิตน้ำมันเอ็กซอนโมบิล จึงมุ่งหาลู่ทางลงทุนในต่างแดน โดยไม่ทราบมาก่อนว่า การที่อังกฤษออกจากกลุ่มอียูจะส่งผลกระทบต่อกฎระเบียบเรื่องพิกัดอัตราอากรขาเข้า
เขากล่าวว่า ฝ่ายที่รณรงค์ให้พลเมืองอังกฤษออกจากกลุ่มอียู ก่อให้เกิดความไม่แน่นอนขึ้นมา ซึ่งอาจจะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯต้องสะดุดลง นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์หลายคนประเมินความไม่น่อนจากเบร็กซิตอาจจะแผ่ไปถึงตลาดแรงงาน และกระทบความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อเนื่องไปจนถึงช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในเดือนพฤศจิกายนนี้ ก่อนหน้านี้การใช้จ่ายเกี่ยวกับเครื่องจักรอุปกรณ์การผลิตของบริษัทเอกชนสหรัฐฯลดลงในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา โดยเฉพาะอัตราการลดลงในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้นับว่าทรุดฮวบเร็วที่สุดในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้หากช่วงไตรมาสสองของปีนี้ การลงทุนของภาคเอกชนอ่อนแอลงอีกจะเป็นครั้งแรกนับแต่ช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอยปีพ.ศ.2550-2552 ที่การลงทุนของเอกชนสหรัฐฯทรุดลง 3 ไตรมาสติดต่อกัน
ข่าวทั้งหมด

X