หลังมีหลายฝ่ายเปรียบเทียบการทำประชามติของสหราชอาณาจักรในการออกจากสหภาพยุโรปหรือ อียู กับการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญของไทย พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวเป็นคนละเรื่องกัน หรือจะให้ตัวเอง แต่ยืนยันว่าจะไม่ลาออก เพราะบ้านเมืองเขาไม่ได้มีปัญหาเหมืองบ้านเรา ส่วนผลกระทบด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย หลังการออกจากอียู นั้น เป็นหน้าที่ที่ต้องทำอยู่แล้ว ดังนั้นจะต้องดูการค้าขายระหว่างไทยกับอียู รวมถึงตลาดอื่นๆด้วย ว่าส่งผลกระทบด้านใดบ้าง ซึ่งทางธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. และฝ่ายเศรษฐกิจได้ชี้แจงผลกระทบแล้ว ส่วนนโยบายการเงินเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ซึ่งไม่สามารถไปคาบเกี่ยวได้ เพราะเป็นอิสระในการบริหารการเงิน
ในฐานะนายกรัฐมนตรี จึงมีหน้าที่เพียงขอให้มีการเตรียมการมาตรการต่าง ๆ ไว้เท่านั้น เนื่องจากระหว่างที่สหราชอาณาจักรยังไม่ออกจากอียู ก็มีผลกระทบด้านเศรษฐกิจอยู่แล้ว และในอดีตมีมาตรการลดความเสี่ยงหรือไม่ ซึ่งจะต้องแยกให้ออกทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เพราะรัฐบาลกำลังแก้ของเก่า ทำวันนี้ และเดินไปข้างหน้าอีก 20 ปี หากกลับไปทะเลาะขัดแย้งแบบเดิมก็ไม่ต้องทำอะไร และคอยแก้ปัญหาเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องอยู่ทุกวัน ดังนั้นต้องสอนให้คนใช้สติปัญญามากกว่าความรู้สึกและอารมณ์ แต่อารมณ์แบบตนมันคนละเรื่อง เพราะการคิดและแก้ไขปัญหาตนจะไม่ใช้อารมณ์ แต่จะใช้อารมณ์กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
สำหรับพิธีเจริญพระพุทธมนต์เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาสำนักนายกรัฐมนตรีครบรอบปีที่ 84 ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในช่วงเช้านายกรัฐมนตรี โดยในปีนี้ ภายในงานมีการจัดนิทรรศการแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และผลงานของหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่สำคัญ คือการจัดพิมพ์หนังสือที่ระลึกจำนวน 3,000 เล่ม เพื่อแจกให้แก่ผู้ร่วมงาน เนื้อหาภายใน หนังสือมีสารนายกรัฐมนตรีเนื่องในโอกาสวันสถาปนาสำนักนายกรัฐมนตรีครบรอบปีที่ 84 ว่า ข้าราชการทุกคนต้องเป็นผู้ที่มีความรู้และปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความขยัน มีความรับผิดชอบ โปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริต และยึดมั่นประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ