ภายหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ 17 นาย ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปก.ตร. เนื่องจากถูกร้องเรียนว่าเรียกรับผลประโยชน์จากแรงงานต่างด้าว, การค้ามนุษย์, หรือปล่อยปละละเลยให้มีอบายมุขในพื้นที่ พล.ต.ต. ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่มีการโยกย้าย โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ลงไปตรวจสอบว่ามีการปล่อยปละละเลยหรือไม่ และรายชื่อบุคคลที่ถูกโยกย้ายมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร โดยให้รายงานผลภายใน 30 วัน หากพบความเชื่อมโยงถึงใคร จะต้องดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญา แต่หากการสืบสวนสอบสวนแล้ว ไม่พบการกระทำความผิด ก็จะคืนความชอบธรรมให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง
ด้านพล.ต.ต. ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งมอบหมายให้ผู้บังคับบัญชาไปกำหนดนโยบายหลังมีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจเป็นจำนวนมาก เพื่อให้เร่งปราบปรามแหล่งอบายมุข สถานบริการ การค้ามนุษย์ ผู้มีอิทธิพล มือปืน และ ยาเสพติดอย่างจริงจัง ให้เป็นรูปธรรม และเห็นผล โดยได้สั่งการให้พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดูแลเรื่องการค้ามนุษย์, ส่วนพล.ต.อ. พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำกับดูแลเรื่องอบายมุขและสถานบริการ, ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยเหลือข้าราชการตำรวจ และดำเนินการอย่างเด็กขาดตามนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามการค้ามนุษย์ และแรงงานต่างด้าว
ด้าน พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าเหตุนักเรียนตีกันในพื้นที่อำเภอพระปะแดง จังหวัดสมุทรปราการว่า วันนี้จะมีการสอบปากคำร่วมกันกับทางสหวิชาชีพ ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสมุทรปราการ โดยจะมีการเชิญผู้ปกครองของเยาวชนเหล่านี้มาด้วย เบื้องต้นจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา 8 ราย ทั้งข้อหามั่วสุมเกิน 10 คนขึ้นไป, ร่วมกันทำร้ายร่างกาย, พกพาอาวุธไปในที่สาธารณะ, ส่งเสียงทำให้ประชาชนเกิดความตกใจ พร้อมกันนี้ได้เชิญผู้ปกครองมาทำข้อตกลง และวางเงินประกันรายละ 5,000 บาท โดยมีเงื่อนไขห้ามก่อเหตุ 2 ปี
ขณะเดียวกันพ.ต.อ. กฤษณะ เปิดเผยว่า คำสั่งของ คสช. ที่ออกมา เพื่อให้ผู้ปกครองดูแลบุตรหลานในความรับผิดชอบ โดยมีการตักเตือนและทำทัณฑ์บนและวางเงินประกัน ส่วนผู้ที่มีส่วนสนับสนุน ยุยงส่งเสริมให้ก่อเหตุ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 30,000 บาท และถ้ากรณีมีผู้เสียชีวิตจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
..
ผสข.สมจิตร์ พูลสุข