*มูดี้ส์ปรับลดความน่าเชื่อถือ เงินปอนด์และพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษร่วงหนักสุด*

การตัดสินใจออกจากสหภาพยุโรป(อียู)ของสหราชอาณาจักร อาจกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ล่าสุด สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือมูดี้ส์ อินเวสต์เตอร์เซอร์วิส ได้ประกาศลดระดับความน่าเชื่อถือจากระดับเสถียรภาพเป็นติดลบ และติดตามการประชุมของผู้นำกลุ่มประเทศอียู ในวันพุธนี้ โดยจะเป็นการประชุมที่ไม่มีผู้แทนจากสหราชอาณาจักรเข้าร่วมด้วย ก่อนหน้านี้อียูได้เรียกร้องให้สหราชอาณาจักร เร่งดำเนินการเจรจาเพื่อเข้าสู่กระบวนการถอนตัวออกจากอียูโดยเร็ว นายฌอง-คล้อด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ย้ำว่าไม่มีเหตุผลใดที่ต้องรอการเจรจาไปจนถึงเวลาที่นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน แห่งอังกฤษจะก้าวลงจากตำแหน่งในเดือนตุลาคม

ขณะที่ ปฎิกิริยาของการลงทุนในความอ่อนไหวในตลาดหุ้นทั่วโลกต่างปิดตัวลดลง โดยเฉพาะดัชนีไฟแนนเชียลไทม์ของอังกฤษวานนี้ เปิดตลาดปรับตัวลดลงทันทีร้อยละ 7 ก่อนจะขยับขึ้นมา หลังนายมาร์ก คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษประกาศว่าจะเข้าแทรกแซงเพื่อพยุงตลาด โดยเตรียมวงเงินจำนวน 250,000 ล้านปอนด์ไว้แล้ว จนทำให้เมื่อปิดตลาด ดัชนีไฟแนนเชียลไทม์ปรับตัวลดลงร้อยละ 3.15 อยู่ที่ระดับ 6,138 จุด

ส่วนดัชนีดีเอเอกซ์ของเยอรมนีได้รับผลกระทบหนักที่สุดในรอบ 8 ปี ลดลงร้อยละ 6.8 ขณะที่การซื้อขายหุ้นของฝรั่งเศสลดลงร้อยละ 8 ส่วนที่อิตาลีและสเปนลดลงร้อยละ 12 ธนาคารกลางอียูระบุว่ากำลังติดตามภาวะการซื้อขายหุ้นในตลาดยุโรป รวมทั้งจะประสานงานกับธนาคารกลางกลุ่มประเทศสมาชิกอียูอย่างใกล้ชิดด้วย

ด้านดัชนีดาวโจนส์ของสหรัฐฯ ปิดตลาดลดลงต่ำที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี ลดลงมากกว่า 600 จุดหรือร้อยละ 3.4 ปิดตลาดที่ 17,400 จุด เช่นเดียวกับดัชนี เอสแอนด์พี 500 ปรับตัวลดลงร้อยละ 3.6 มากที่สุดในรอบ 10 เดือน และดัชนีแนสแดก ลดลงร้อยละ 4.1 ต่ำสุดในรอบ 5 ปี

ขณะที่ ค่าเงินปอนด์สเตอร์ลิงของอังกฤษ ได้ลดลงอย่างหนักเป็นประวัติการณ์ โดยเงินปอนด์เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงเช้าวันศุกร์ลดลงมากกว่าร้อยละ 10 ซึ่งเป็นการลดลงสูงสุดในรอบ 30 ปี ก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเย็นมาอยู่ที่ 1 ปอนด์เท่ากับ 1.3578 ดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นการลดลงมากกว่าร้อยละ 8 และเงินปอนด์เทียบกับเงินยูโรลดลงร้อยละ 6 ขณะเดียวกัน

พันธบัตรรัฐบาลอังกฤษกำหนดระยะเวลา 10 ปี ทำสถิติลดลงมากที่สุดไปอยู่ที่ร้อยละ 1.1018 ขณะที่พันธบัตรประเภท 2 ปี ลดลงต่ำสุดในรอบ 3 ปี ไปอยู่ที่ร้อยละ 0.233 ส่วนการซื้อขายน้ำมันดิบเบรนต์ครูดในตลาดลอนดอน ปรับตัวลดลงร้อยละ 4.9 ไปอยู่ที่ 48.41 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เป็นการลดลงมากที่สุดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เช่นเดียวกับน้ำมันดิบไนเมกซ์ของสหรัฐฯ ที่ลดลงร้อยละ 4.7 ไปอยู่ที่ 47.77 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ต่างจากราคาซื้อขายทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5 มากที่สุดในรอบกว่า 3 ปีไปอยู่ที่ 1,322 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ 

ทีมต่างประเทศ

CR:BBC