*หลายปท.ในยุโรปเรียกร้องลงประชามติ/ปธ.สนช.ไม่กังวลนัดแถลงด้วยวาจากม.ประชามติ/รบ.จีนเร่งช่วยปชช.ถูกพายุพัดถล่ม*

+++ติดตามแนวทางหลังจากสหราชอาณาจักรลงประชามติถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป(อียู) คิดเป็นร้อยละ 52 ขณะที่ร้อยละ 48 โหวตให้อยู่ร่วมกับอียูต่อไป นายเสข วรรณเมธี  โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ  กล่าวว่า รัฐบาลไทยเห็นว่าสหราชอาณาจักร จะยังเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญในยุโรปของไทย แม้จะไม่ได้เป็นสมาชิกอียูแล้วก็ตาม ความสัมพันธ์ยังดีเหมือนเดิม เนื่องจากอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันทั้งในภาครัฐบาล เอกชน และประชาชน  รัฐบาลไทยจะติดตามพัฒนาการของกระบวนการเจรจาระหว่างสหราชอาณาจักรกับอียูต่อไป

+++นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ สั่งการให้ทูตพาณิชย์ประจำในประเทศในอียู รวมถึงอังกฤษ ติดตามความเคลื่อนไหว กระทรวงพาณิชย์ยังเดินหน้าดำเนินการตามแผนผลักดันการส่งออกให้ ได้ตามเป้าหมายร้อยละ 5

+++นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.และสถาบันการเงิน มีเวลาเตรียมการรับมือไว้ล่วงหน้า โดยสถาบันการเงินในประเทศไทย ปิดความเสี่ยงฐานะเงินตราต่างประเทศไว้ล่วงหน้าแล้ว

+++ด้านนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การลงประชามติของอังกฤษไม่ได้มีผลออกจากกลุ่มอียูทันที ยังไม่ถือเป็นกฎหมายยังต้องผ่านการเห็นชอบสภาผู้แทนราษฎร ต้องแก้ไขกฎหมาย และเจรจากับประเทศคู่ค้าของอังกฤษทั้ง 27 ประเทศ ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินการอีก 2 ปี

+++สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียมว่า แม้สหราชอาณาจักร ไม่ได้ร่วมใช้เงินยูโร แต่มีการประเมินแนวโน้มแล้วว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ( จีดีพี ) อาจลดลงจากร้อยละ 1.6 เหลือระหว่างร้อยละ 0.5-1.0 เท่านั้น ในปี 2560 โดยจีดีพีของเยอรมนี อาจหดตัวลงระหว่างร้อยละ 0.3-2.0 ขณะที่ทุกฝ่ายกังวลเรื่องผลกระทบด้านการค้าและภาคธุรกิจการเงิน แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าความร่วมมือในภาคบริการระหว่างอียูกับสหราชอาณาจักรจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก โดยเฉพาะในส่วนของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

+++อย่างไรก็ตาม ผลงานวิจัยหลายชิ้นบ่งชี้ไปในทางเดียวกันว่า ไอร์แลนด์และกลุ่มประเทศเบเนลักซ์ ที่ประกอบด้วยเบลเยียม เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก จะได้รับผลกระทบจากการออกจากสหภาพของสหราชอาณาจักรมากที่สุด เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่มีระบบสถาบันการเงินเชื่อมโยงกับธนาคารในกรุงลอนดอนมากที่สุด  โดยจีดีพีของเบลเยียมอาจหดตัวร้อยละ 2.5 ในปีนี้

+++ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย ลดลง 23.21 จุด ปิดที่ 1,413.19 จุด มูลค่าซื้อขาย 88,223.21 ล้านบาท

+++ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวญี่ปุ่น ร่วงลง 1,286.33 จุด แตะที่ 14,952.02 จุด

+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกง ร่วงลง 609.21 จุด ปิดวันนี้ที่ 20,259.13 จุด

+++สำหรับตลาดอื่นๆของเอเชีย ดัชนีหุ้นคอสปีของเกาหลีใต้ ปิดร่วงร้อยละ 3.1 ปิดที่ 1,925.24 จุด +++ส่วนดัชนีออลออดินารีส์ ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ปิดร่วงร้อยละ 3.2 ปิดที่ 5,113.20 จุด

+++ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนร่วงร้อยละ 1.3 ปิดที่ 2,853.98 จุด

+++ขณะที่ดัชนีเซ็นเซกซ์ตลาดมุมไบของอินเดีย ร่วงร้อยละ 3.6 ปิดที่ 26,024.85 จุด

+++นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ค่าเงินบาท อยู่ที่ 35.39 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งหากมีการแทรกแซง เพื่อหยุดการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ ค่าเงินบาทน่าจะอยู่ที่ 35.6-35.7 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และไม่เกิน 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

+++เงินเยนของญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้นไปที่ 102.4 ต่อดอลลาร์สหรัฐฯหลังนักลงทุนมองเงินเยนว่ามีความปลอดภัยในการลงทุน รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามจะทำให้เงินเยนอ่อนตัวอย่างต่อเนื่องเนื่องจากการแข็งค่าขึ้นของเงินเยนจะกระทบต่อการส่งออกของประเทศ

+++การเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ถ้าหากยังไม่สามารถหยุดการแข็งค่าของดอลลาร์ได้จะส่งผลให้ราคาทองคำขยับเพิ่มขึ้นได้ ราคาทองคำอยู่ที่ 1,311 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้หากไม่สามารถหยุดการแข็งของเงินดอลลาร์ได้มีโอกาสที่ทองคำจะขยับไปที่ 1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ส่วนตลาดทอง ผันผวนปรับ 24 ครั้ง พุ่งแรง 900 บาท รูปพรรณขาย 22,550 บาท

+++บีบีซี รายงานว่า การโหวตออกจากกลุ่มอียูของสหราชอาณาจักร ทำให้เกิดกระแสเรียกร้องจากพรรคการเมืองแนวคิดขวาจัดเสนอให้มีการลงประชามติในรัฐสมาชิกอื่นๆแยกตัวออกจากอียู นางมารีน เลอ แปง หัวหน้าพรรคฝ่ายขวาจัดของฝรั่งเศส กล่าวว่าพลเมืองฝรั่งเศสควรจะมีสิทธิ์ลงประชามติในเรื่องนี้เช่นกัน นางเลอแปงชื่นชมการโหวตของสหราชอาณาจักร ระบุข้อความว่าเป็นชัยชนะสำหรับกลุ่มที่เรียกร้องเสรีภาพ

+++ด้านนายเกิร์ท วิลเดอร์ส นักการเมืองต่อต้านคนเข้าเมืองชาวเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่าเนเธอร์แลนด์จะจัดให้มีการลงมติออกจากกลุ่มอียูหรือที่เรียกว่าเน็กซิต สำหรับเนเธอร์แลนด์จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนมีนาคมปีหน้า ผลโพลล์บางสำนักบ่งชี้ว่านายวิลเดอร์ส มีคะแนนนำ นอกจากนี้ผลโพลล์ล่าสุดบ่งชี้ว่าร้อยละ 54 ของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงต้องการให้มีการลงประชามติเรื่องการแยกตัวออกจากอียูเช่นกัน

+++ด้านนายมัตเตโอ ซัลวินี ผู้นำพรรคนอร์ทเทิร์นลีกของอิตาลี ที่มีนโยบายต่อต้านการเข้าเมืองของผู้อพยพ ระบุว่า ขณะนี้ควรถึงคราวที่อิตาลีจะจัดทำประชามติเช่นกัน

+++ด้านรัฐสภาแห่งยุโรปจะเรียกประชุมสมัยวิสามัญในวันอังคารหน้า

+++นักวิเคราะห์ระบุว่านักการเมืองของกลุ่มอียูหวั่นเกรงว่าผลพวงจากการที่อังกฤษโหวตแยกตัวออกจากกลุ่มอียูอาจจะกระทบต่อองค์กรอียูในภาพรวม

+++มาที่ความเคลื่อนไหวทางการเมือง กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจา พร้อมลงมติกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นคำร้องให้วินิจฉัยมาตรา 61 วรรคสอง ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 ขัดต่อมาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวหรือไม่  ในวันที่ 29 มิ.ย.นี้ โดยไม่อนุญาตให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ( สนช.) ชี้แจงเพิ่มเติม นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. กล่าวว่า ไม่กังวล เนื่องจาก เมื่อศาลตีความว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมายก็คงไม่จำเป็นต้องฟังคำชี้แจงเพิ่มเติม แต่สามารถวินิจฉัยตามเอกสารที่มีอยู่ได้ ได้ส่งข้อมูลทั้งหมดไปให้ศาลรัฐธรรมนูญครบถ้วน จะต้องรอฟังคำวินิจฉัยในวันดังกล่าว เชื่อมั่นว่า ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ไม่มีผลกระทบกับการออกเสียงประชามติ ซึ่งกกต.ก็ยืนยันแล้ว และ สนช.ก็ไม่กังวล  เพราะถือว่าทำตามกฎหมาย

+++พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน  เปิดเผยว่า ที่ประชุมสภาสนช.มีมติรับหลักการ 152 เสียง ไม่เห็นด้วย 5 เสียง งดออกเสียง 16 เสียง จากผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 173 คน  เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม และ ร่าง พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 154 เสียง ไม่เห็นด้วย 2 เสียง งดออกเสียง 17 เสียง หลังจากนั้นตั้งคณะกรรมาธิการ 21 คน มาศึกษาร่างกฎหมายดังกล่าว แปรญัติ 15 วัน เพื่อพิจารณาในวาระ 2 และ 3 ในขั้นต่อไป

+++ปิดท้ายที่จีน พายุทอร์นาโด ความเร็วลม 125 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พัดกระหน่ำเมืองเหยียนเฉิง ในมณฑลเจียงซู ทางตะวันออกของจีน ซึ่งอยู่ถัดขึ้นไปทางตอนเหนือของนครเซี่ยงไฮ้ จุดที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดคืออำเภอฟู่หนิง แรงลมทำให้แนวเสาไฟฟ้าและต้นไม้โค่นล้ม รถยนต์และบ้านเรือนได้รับความเสียหายจำนวนมาก สถานีวิทยุแห่งชาติจีนรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตเมื่อวันศุกร์อยู่ที่ 98 ศพ และมีผู้บาดเจ็บอีกราว 800 คน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนอุซเบกิสถาน มีคำสั่งเร่งด่วนเรื่องการส่งความช่วยเหลือลงพื้นที่ประสบภัย ขณะที่นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง เร่งค้นหาและช่วยเหลือผู้สูญหายและให้การรักษาผู้บาดเจ็บ ขณะที่สิ่งของบรรเทาทุกข์เบื้องต้นทยอยส่งลงยังพื้นที่แล้ว