หลังการหารือร่วมกันระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมียนมาและไทยเป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่คบหามายาวนาน และมีความยินดีอย่างยิ่ง ในการที่มาเยี่ยมประเทศไทยในครั้งนี้ โดยในวันนี้ได้มีการหารือข้อราชการอย่างเข้มข้น ได้แก่ เรื่องการคุ้มครองแรงงานเมียนมาในประเทศไทยซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าถ้าเอกชนไทยและแรงงานเมียนมาต่างยังต้องพึ่งพากันและกัน รัฐบาลไทย มีมาตรการคุ้มครองและดูแลแรงงานเมียนมาเป็นอย่างดี ทั้งเรื่องการรักษาพยาบาล การศึกษาของบุตรหลานของแรงงานและสิทธิในการได้รับความคุ้มครองทางด้านกฎหมายในไทย รวมไปถึงยังมีการยกระดับมาตรฐานในการคุ้มครอง เรื่องการเตรียมเปิดตัวระบบร้องทุกข์ออนไลน์สำหรับแรงงานผ่านทางเว็บไซต์ รวมทั้งการให้บริการสายด่วนร้องทุกข์ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ที่สามารถพูดภาษาเมียนมาให้บริการ นอกจากนี้ยังมีเรื่องการตั้งศูนย์บริการช่วยเหลือแรงงานตามแนวชายแดนและจังหวัดที่มีรายงานเดินทางมาเป็นจำนวนมาก ความร่วมมือที่สำคัญคือการช่วยเหลือเพื่อพัฒนาไทย-เมียนมา ระยะ 3 ปีระหว่างปี 2559-2561 โดยไทยพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือแก่เมียนมาอย่างบูรณาการและทุกระบบ ประกอบด้วยโครงการต่างๆที่มีมูลค่ารวม 150 ล้านบาท โดยผ่านการหารือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่รับผิดชอบของรัฐบาลเมียนมา อย่างใกล้ชิด โดยเน้นให้ความช่วยเหลือด้านการศึกษา สาธารณสุข และการเกษตร
นอกจากนี้ ยังให้ความช่วยเหลือพัฒนาตามแนวชายแดนต่างๆ ในเรื่องความร่วมมือการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และอาชญากรรมข้ามชาติต่างๆ รวมไปถึงด้านสาธารณสุขและพัฒนาทักษะอาชีพแรงงาน โครงการหมู่บ้านเข้มแข็งตามแนวชายแดน 50 หมู่บ้าน
สำหรับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าเศรษฐกิจทั้ง 2 ประเทศ พึ่งพากันและกัน และมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวระหว่างทั้งสองประเทศ ในส่วนของประเทศไทย จะส่งเสริมภาคเอกชนไทยไปทำธุรกิจในเมียนมาอย่างรับผิดชอบ โปร่งใส และเน้นความยั่งยืน ขณะที่ เมียนมา ก็พร้อมที่จะดูแลนักธุรกิจที่เข้าไปลงทุนในเมียนมา
ขณะเดียวกัน ก็เห็นพ้องที่จะรื้อฟื้นและประชุมหารือระดับรัฐบาลทั้งสองฝ่ายให้สามารถกลับมาดำเนินการในเรื่องโครงการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษทวาย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่รวมไปถึงสร้างความเจริญเติบโตของเศรษฐกิจทั้ง 2 ประเทศ แต่ทั้งนี้จะต้องมีการจัดหามาตรการในการป้องกันผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและผลกระทบกับประชาชนควบคู่ไปด้วย
นอกจากนี้ยังได้หาเรื่องเกี่ยวกับกระบวนการสันติภาพในเมียนมา โดยไทย จะให้การดูแลการศึกษาการเข้าถึงสาธารณสุขขั้นพื้นฐานของแรงงานเมียนมาและผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา รวมไปถึงทั้งสองฝ่ายยินดีต่อกระบวนการปรองดองแห่งชาติในเมียนมาที่พัฒนาที่ดีขึ้นและเมื่อเมียนมามีความพร้อมรัฐบาลทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือในการเตรียมการสำหรับการส่งผู้หนีภัยสงครามจากการสู้รบกลับเมียนมา ระหว่างนี้ฝ่ายไทยได้ขอให้เมียนมา จัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาหารือกับฝ่ายไทยเพื่อเตรียมการในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความขอบคุณ พร้อมกล่าวว่า ทั้งสองประเทศ ตระหนักว่ายังต้องพัฒนาและปฏิรูปเพื่อสังคมประชาธิปไตยและความกินดีอยู่ดีของประชาชนซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนต่อไป รวมถึงยังฝากคำเชิญไปยังนายถิ่น จอ ประธานาธิบดีแห่งสหภาพเมียนมาเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือแห่งเอเชีย ที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในช่วงเดือนตุลาคมนี้ด้วย
ด้านนางอองซานซูจี กล่าวว่า รู้สึกยินดีกับการเยือนไทยในครั้งนี้และยินดีที่อนาคตของทั้งสองประเทศจะเต็มไปด้วยความเชื่อใจ โดยเราได้แบ่งปันพื้นที่และสิ่งที่ดีที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน โดยจะหารือเพื่อเชื่อมโยงในทุกเรื่องทุกมิติ เพราะเราเป็นรัฐบาลที่ดูแลประชาชน ขณะเดียวกันเมียนมาพร้อมจะต้อนรับผู้ลี้ภัยกลับบ้านดูแลคนเหล่านี้และจะมีงานให้ทุกคนเพราะคนเมียนมาต้องการทำงานและยืนได้ด้วยขาของตัวเอง
พร้อมกันนี้ขอบคุณไทยที่ให้โอกาส เราจะแบ่งปันความรับผิดชอบและความเชื่อใจระหว่างกัน เพื่ออนาคตของคนรุ่นใหม่ในการเดินไปข้างหน้าของอาเซียน ซึ่งการเยือนไทยถือเป็นประเทศแรกอย่างเป็นทางการ และขอขอบคุณไทยที่ช่วยเหลือ ซึ่งเมื่อช่วงเช้าได้พูดคุยกับเยาวชนที่มีความเชื่อมั่นในอนาคตและหวังให้เกิดมิตรภาพและสันติภาพ เพราะไม่มีประเทศใดอยู่ได้ประเทศเดียว และทุกประเทศต้องเดินไปข้างหน้าเพื่อมนุษยชาติ
ทั้งนี้ ระหว่างไทยกับเมียนมายังมีการลงนามเอกสาร สำคัญ 3 ฉบับ ได้แก่ความตกลงว่าด้วยการข้ามแดนระหว่างไทยกับเมียนมา บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน และบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจ้างงาน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการส่งเสริมความเชื่อมโยงความร่วมมือด้านแรงงานระหว่างทั้งสองประเทศต่อไป อย่างไรก็ตอนในค่ำวันนี้นายกรัฐมนตรีเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติในฐานะแขกของรัฐบาลอีกด้วย สำหรับภารกิจของนางอองซาน ซูจี วันพรุ่งนี้เป็นกำหนดการส่วนตัว ก่อนจะเดินทางกลับเมียนมาในช่วงเย็น
ผู้สื่อข่าว: ปิยะธิดา เพชรดี