*ผลกระทบตลาดเงินตลาดหุ้น หลังสหราชอาณาจักรออกจากEU/กกต.ยังไม่ชี้สุเทพประกาศรับร่างรธน.*

ข่าวเที่ยงครึ่ง

+++ผลการนับคะแนน การลงประชามติให้สหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า กลุ่มคนที่ให้ออกจากอียูมีคะแนน 16,992,701 คะแนน  ส่วนกลุ่มคนที่ให้อยู่กับอียูต่อไป 15,812,943 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 52:48 คะแนนทิ้งห่างกัน 1,179,758 คะแนน หลังจากนี้ คาดว่านายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนของอังกฤษจะเผชิญกับกระแสเรียกร้องให้ลาออกทันทีหรืออย่างน้อยกำหนดช่วงเวลาที่จะลาออกอย่างชัดเจน ในเรื่องเศรษฐกิจ ส่วนค่าเงินปอนด์อ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 31 ก่อนหน้านี้ นายคาเมรอน กล่าวก่อนหน้านี้ว่าหากผลประชามติให้ออกจากกลุ่มอียูเป็นฝ่ายชนะ รัฐบาลอังกฤษจะขอให้สิทธิ์ตามสนธิสัญญาลิสบอนทันทีและเริ่มขั้นตอนเบร็กซิตที่ต้องใช้เวลาและมีขั้นตอนปฏิบัติที่สลับซับซ้อนพอสมควร ในบทความที่ผู้นำอังกฤษเขียนในหนังสือพิมพ์เทเลกราฟเมื่อวันอาทิตย์ ระบุว่าหากพลเมืองอังกฤษส่วนใหญ่เลือกที่จะออกจากกลุ่มอียู รัฐบาลก็ทำตามข้อเรียกร้องนั้น ซึ่งจะมีผลกระทบต่อทุกๆคนในอังกฤษ   แม้ว่ารัฐบาลอังกฤษจะเริ่มใช้สิทธิ์ตามมาตรา 50 ของสนธิสัญญานั้นทันทีในวันที่ 24 มิถุนายนนี้ อังกฤษก็อาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปีจึงจะสามารถออกจากกลุ่มอียูได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ในช่วงการเจรจา 2 ปีนั้น กฏหมายต่างๆของอียูยังมีผลใช้กับอังกฤษต่อไป ขณะเดียวกันอังกฤษจะสามารถร่วมในภาคธุรกิจอื่นๆของกลุ่มอียูได้ตามปกติ แต่จะไม่เข้าร่วมการหารือภายในกลุ่มอียู

+++พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค  รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ต้องแสดงความยินดีกับสหราชอาณาจักรที่การทำประชามติเป็นไปอย่างเรียบร้อย  ส่วนจะเป็นผลกระทบต่ออังกฤษอย่างไรนั้น ไม่สามารถก้าวล่วงได้  เพราะเป็นเรื่องภายในประเทศ  แต่ผลกระทบที่จะเกิดกับไทย  ต้องระมัดระวัง เรื่องการลงทุนด้านการเงินการธนาคาร รวมถึงการค้าการลงทุนกับสหภาพยุโรป ซึ่งปริมาณการค้า มีนัยสำคัญ โดยไทยต้องปรับตัว และหารือข้อตกลงกันใหม่ที่เป็นข้อผูกพันระหว่างในกรอบความร่วมมือของอียู  โดยถือเป็นความท้าทายของสหราชอาณาจักรในการแก้ปัญหา ซึ่งจะต้องปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่  แต่เชื่อว่าความเข้มแข็งของสหราชอาณาจักร จะสามารถปรับตัวได้ เพราะที่ผ่านมามีการเตรียมความพร้อมระดับหนึ่ง   ส่วนปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (ไอยูยู) นั้น พล.ต.วีรชน กล่าวว่า จะไม่ส่งผลกับไทย เพราะเป็นข้อสังเกต ที่ทางไทยรับมาเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาอยู่แล้ว สหราชอาณาจักร ถือเป็นคู่ค้าหลักของไทย โดยเป็นคู่ลงทุนอันดัน 2 ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป รองจากเยอรมัน โดยที่ผ่านมามูลค่าการค้าไทย - สหราชอาณาจักร สูงประมาณ 3 พันล้านยูโร  ขณะที่มูลค่าการค้าไทย- อียู ประมาณ 2 หมื่นล้านยูโร.

+++นางนิโคลา สเตอร์เจียน นายกรัฐมนตรีสกอตแลนด์ยืนยันว่า ชาวสกอตแลนด์ได้ลงเสียงชัดเจนว่าขอเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรป (อียู) ต่อไป ร้อยละ 62 ต่อ 38 ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของอียู ก่อนหน้านี้เธอกล่าวว่า หากผลการลงประชามติปรากฏว่าสหราชอาณาจักรต้องการออกจากอียู สกอตแลนด์อาจจะจัดการลงประชามติเรื่องแยกตัวเป็นเอกราชจากสหราชอาณาจักรอีกครั้ง หลังจากที่จัดไปแล้วครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2557 ครั้งนั้นเสียงไม่สนับสนุนให้แยกตัวเป็นเอกราชชนะด้วยคะแนนร้อยละ 55.3 ต่อ 44.7

+++นายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ความเห็นว่า ปฏิกิริยาของตลาดการเงินโลกต่อความคืบหน้าการนับคะแนนผลการลงประชามติการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (Brexit) ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินไทยในช่วงที่ผ่านมา โดย ธปท. ได้มีการติดตามพัฒนาการที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด และพร้อมจะเข้าดูแลเพื่อให้ตลาดการเงินไทยยังทำหน้าที่ได้ดีต่อเนื่อง

+++นายมาซาสึกุ อาซากาวา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังญี่ปุ่น ฝ่ายกิจการระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะหามาตรการตอบรับอย่างเหมาะสม หลังจากที่เงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงหลุดกรอบ 100 เยน นายอาซากาวาได้เลี่ยงที่จะให้ความคิดเห็นว่า ทางรัฐบาลได้แทรกแซงตลาดค่าเงินเพื่อสกัดการแข็งค่าของเงินเยนแล้วหรือไม่

+++นายไพบูลย์ พลสุวรรณา ที่ปรึกษาสภาผู้ส่งออกทางเรือแห่งประเทศ (สรท.) กล่าวถึงการที่ อังกฤษออกจากอียูแต่สิ่งที่ภาคส่งออกกังวล คือ จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้นมาก แม้จะเป็นผลดีต่อนักลงทุนที่เล่นค่าเงิน แต่ผลกระทบจะต้องอยู่กับภาคการส่งออกไปทั่วโลก รวมถึงภาคการส่งออกของไทยอย่างมาก  เรื่องนี้ถือว่าอยู่เหนือความคาดหมายที่ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นและผู้ส่งออกอยู่ระหว่างต้องมานั่งคุยกันใหม่ โดยคณะกรรมการสภาผู้ส่งออกทางเรือคงจะนัดประชุม เพื่อประเมินสถานการณ์ดังกล่าวต้นสัปดาห์หน้าทันที แต่ยอมรับว่าผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยมีแน่นอนและที่คาดการณ์ไว้ว่าตัวเลขการส่งออกของไทยปีนี้ไว้ร้อยละ 0-2 อาจไม่เป็นไปตามเป้าหมายได้ โดยผลกระทบจะทำให้ไม่กล้าสั่งซื้อสินค้าไทยซึ่งได้รับผลกระทบจากค่าเงิน

+++นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กล่าวว่า ตัวเลขการส่งออกเดือนพ.ค.2559 มีมูลค่า 1.76 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 4.40% ซึ่งเป็นการติดลบต่อเนื่อง 2เดือน ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 1.60 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 0.50% ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้าพ.ค. 1,538 ล้านเหรียญสหรัฐส่งผลให้การส่งออกช่วง 5 เดือน 2559 มีมูลค่า 8.69 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐลดลง 1.90% ส่วนนำเข้า 5 เดือน มูลค่า 7.65 หมื่นบ้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 10.25% ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้า 5 เดือน มูลค่า 1.04 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ สาเหตุที่การส่งออกพ.ค.ลดลงเป็นผลจากเศรษฐกิจโลกยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน

+++ส่วนหุ้นไทย ขณะนี้ อยู่ที่ 1,.396.92 จุด ลดลง 39.48 จุด ขณะที่ราคาทองคำวันนี้ ผันผวน ปรับตัวเพิ่มขึ้น-ลดลง รวมกว่า 10 ครั้งล่าสุดทองคำแท่งขายที่ 22,250 บาท ส่วนรูปพรรณขายที่ 22,750 บาท

+++หลังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส.และประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย  โพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊กว่าจะไปลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ฤชุพันธุ์  นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด ซึ่งก็ต้องดูว่าจะพูดเรื่องอะไร ส่วนจะเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ประชามติหรือไม่นั้น มองว่าหากไม่ใช้ข้อความที่เป็นเท็จ บิดเบือน หยาบคาย ปลุกระดม ก็จะถือว่าเป็นการแสดงความคิดเห็น คนที่จะบอกว่าผิดหรือไม่ผิดนั้นคือศาล อยู่ที่ดุลยพินิจของศาล

++++ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ถูกตำรวจจราจรปรับในข้อหาไม่สวมหมวกกันน็อก ขณะขี่มอเตอร์ไซด์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในจังหวัดเกาะกง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ถูกปรับ เป็นเงินมูลค่า 15,000 เรียล หรือ ประมาณ 130 บาท     ขณะที่นายกฯ ฮุนเซน ยอมรับต่อการถูกปรับและจะจ่ายเงินทั้งในส่วนของเขาและในส่วนของเจ้าของมอเตอร์ไซค์คันดังกล่าว ซึ่งต้องเสียค่าปรับในจำนวนเดียวกัน ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ของอำเภอสเร อัมเบล ในจังหวัดเกาะกง ที่บังคับใช้กฎหมายโดยไม่เลือกปฏิบัติและไม่เกรงกลัวต่ออำนาจของผู้มีอิทธิพล รวมถึงนายกรัฐมนตรี