*สรุปข่าว 19.35น*
+++พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคสช. ออก ออกประกาศหัวหน้า คสช. ใช้ ม.44 คุม 4 ฉบับรวด ฉบับแรกคุมการได้มาของ “สมาชิกสภาท้องถิ่นชั่วคราว” ก่อนพ้นจากตําแหน่ง เหตุหลายแห่งพบ อบต.ยกฐานะเป็นเทศบาล ฉบับสองให้อำนาจ จนท.กักตัวนักเรียนนักเลงก่อเหตุทะเลาะวิวาท ทําร้ายร่างกายผู้อื่น หรือเตรียมการเพื่อก่อเหตุดังกล่าว เป็นการชั่วคราวไม่เกิน 6 ชั่วโมง ย้ำผู้ปกครองต้องร่วมรับผิดชอบ เพิ่มโทษจําคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ หากกระทำผู้อื่นถึงความตาย ผู้นั้นต้องระวางโทษจําคุก ไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ส่วนฉบับสามให้รัฐมนตรีผู้มีอํานาจแก้ปัญหาลักลอบค้าไม้หวงห้าม ฉบับสุดท้ายฉบับที่ 4 ให้อำนาจเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดหรือ ป.ป.ส.กัก ยึด หรืออายัด การลักลอบนําสารเคมี วัสดุ หรือเครื่องมือบางประเภทไปใช้ผลิตยาเสพติด
+++นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ เปิดเผยถึงประเด็นสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในวานนี้ (20 มิ.ย.) โดยเลขาธิการยูเอ็น ได้เน้นย้ำ ความพร้อมของยูเอ็น ในการสนับสนุนประเทศไทย ในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่านที่สำคัญนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กลับสู่ประชาธิปไตยโดยเร็ว พร้อมย้ำว่า การเปิดกว้างให้ประชาชนได้ถกเถียงกันเป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐธรรมนูญ และนำไปสู่การปรองดรองแห่งชาติอย่างแท้จริง
+++นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวว่า ขณะนี้ มีบางพื้นที่วิทยากรระดับพื้นที่ถูกติดตามการทำงานในลักษณะคุกคาม ว่าขอให้ไปแจ้งความกับตำรวจหรือแจ้งไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ว่าถูกคุกคาม ขัดขวาง หรือมีการก่อกวนการทำหน้าที่ไม่ให้เผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญ โดยมองว่าผู้ที่พฤติกรรมก่อกวนนั้นเป็นผู้ที่ไม่นึกถึงบ้านเมือง และทำตัวแย่ ซึ่งเข้าข่ายเป็นอันธพาล ดังนั้นขอให้เจ้าหน้าที่บ้านเมือง รวมถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ควรเข้าไปดูแล ขณะที่คนไทยทั่วไปไม่ควรยอมให้มีการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นด้วย ขอเรียกร้องไปยังประชาชนที่เป็นเสียงเงียบลุกขึ้นมาเพื่อขจัดอันธพาลไปให้ได้ คนพวกนี้ที่เห็นแก่ค่าจ้างเล็กๆ น้อยๆ แล้วมาทำลายบ้านเมืองได้ คนไทยทั่วไปไม่ควรยอมรับ หากยอมก็จะตกอยู่ภายใต้อาณัติของคนเลวต่อไป
++++ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบ ตามที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หรือ ธกส. เสนอโครงการประกันภัยข้าวเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร นำร่องชาวนาที่เป็นลูกค้าของธกส.จำนวน 150,000ราย พื้นที่นา 30 ล้านไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ความเสี่ยงต่ำ โดยแนวทางดำเนินงาน ธกส.จะใช้งบตัวเองและงบรัฐรวมกันเพื่อสนับสนุนประกันนี้ให้กับชาวนาของธกส.ทุกรายซึ่งเป็นแบบปีต่อปี เมื่อเกิดปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม หรือศัตรูพืช ชาวนาก็จะมีหลักประกันป้องกันอนาคตของตนเองโดยได้รับเงินประกันจากพืชพันธุ์ที่เสียหาย หากประสบความสำเร็จจะเป็นต้นแบบขยายผลให้ประกันพืชผลทุกชนิดในระยะยาว เพื่อสร้างหลักประกันให้เกษตรกรของประเทศไทย อย่างไรก็ตามยังเป็นโครงการนำร่องจึงยังไม่รวมชาวนาที่ไม่ได้เป็นลูกค้าของธกส. ทั้งนี้ เบื้องต้นมีบริษัทประกันวินาศภัยสนใจเข้าร่วมโครงการแล้ว 16 บริษัท
+++ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงิน 1,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินคงเหลือจากการอนุมัติครั้งที่ผ่านมา 23,000 ล้านบาท ในโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำและพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ให้นำมาช่วยเหลือโครงการต่างๆ อาทิ โครงการแก้มลิง สถานีสูบน้ำ ซึ่งคาดว่าการอนุมัติจะช่วยประชาชนได้กว่า 40,000 ครัวเรือน นอกจากนี้ ยังมีมติเพิ่มระยะเวลาดำเนินการโครงการเงินค้ำประกันสินเชื่อ เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงสินเชื่อได้จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 59 หรือจนกว่าจะเต็มวงเงิน 36,000 ล้านบาท เชื่อว่าจะช่วยผู้ประกอบการได้ 8,200 ราย เกิดการจ้างงานเพิ่มอีก 60,000 คน และวงเงินสินเชื่ออื่นๆตามมา
+++ศาลเยาวชนฯ ไต่สวนคดีบำเพ็ญประโยชน์ "แพรวา" จำเลย ซิ่งซีวิคชนรถตู้ 9 ศพ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ ระบุภายหลังว่า การไต่สวนในวันนี้เป็นการพูดคุยทางลับ โดยเจ้าหน้าที่กรมควบคุมประพฤติได้แถลงต่อศาล ถึงขั้นตอนการบำเพ็ญประโยชน์ที่ถูกต้อง ซึ่งในเบื้องต้นทางจำเลยและครอบครัวยินยอมที่จะเริ่มบำเพ็ญประโยชน์ใหม่ทั้งหมด ซึ่งตามเกณฑ์จะต้องทำให้เสร็จสิ้นเดือนสิงหาคม ที่จะถึงนี้ และได้เจรจาทำบันทึกข้อตกลงเรื่องสถานที่ไว้แล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ และหากจำเลยไม่สามารถปฏิบัติได้ทันภายในเวลาที่กำหนด ก็ต้องนำรายละเอียดมาแถลงต่อศาลว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ส่วนประเด็นที่ฝ่ายจำเลย อ้างว่า ถูกเจ้าหน้าที่ข่มขู่ พ.ต.อ.ณรัชต์ ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง อาจเป็นการเข้าใจผิด
สำหรับ น.ส.แพรวา ยินยอมทำบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ใหม่ ที่เหลือ 138 ชม. จากทั้งหมด 144 ชม. โดยเข้าใจแล้วว่าที่เคยทำไป 90 ชม.ก่อนหน้านี้ เข้าใจสถานที่และกิจกรรมโดยในวันที่ 23 ส.ค.นี้ ที่จะครบเวลารอลงอาญาและคุมประพฤติ ศาลจะพิจารณาอีกครั้งว่าจำเลยทำครบหรือไม่ หากครบจะมีคำสั่งว่าเยาวชนหญิงจำเลยพ้นจากการคุมประพฤติแล้ว
+++ดัชนีจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยอดนิยมประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโดยมาสเตอร์การ์ด เผยให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ยังคงครองส่วนแบ่งขนาดใหญ่ที่สุดในปี 2559 ในแง่ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปยังจุดหมายปลายทางทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รายงานระบุว่า นักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ 50.4 ล้านคนวางแผนเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางทั่วเอเชียแปซิฟิกในปีนี้ คิดเป็น ร้อยละ 15.7 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่พักค้างคืนตามเมืองต่างๆในภูมิภาค โดยคาดว่าในปี 2559 นี้ นักท่องเที่ยวชาวจีนจะใช้จ่ายเงินจำนวน 4.53 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในเอเชียแปซิฟิก คิดเป็นร้อยละ 18.2 ของการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวทั้งหมดในภูมิภาค ในบรรดา 10 เมืองยอดนิยมของเอเชียแปซิฟิกนั้น มีอยู่ 4 เมืองที่มีนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่เดินทางไปเยือนมากที่สุด นำโดยกรุงโซล เกาหลีใต้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนมากถึง ร้อยละ 50.5 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตามด้วยกรุงเทพมหานครร้อยละ 38.2 พัทยา ร้อยละ 28.8 และภูเก็ต ร้อยละ 25.6 สำหรับสหรัฐอเมริกา ซึ่งรั้งอยู่ในอันดับ 4 และสหราชอาณาจักรเป็นอีกหนึ่งประเทศนอกภูมิภาคที่ติด 10 อันดับประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนเอเชียแปซิฟิกมากที่สุด โดยอยู่ในอันดับที่ 9
++++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,430.80 จุด เพิ่มขึ้น 8.81 จุด มูลค่าการซื้อขาย 48,148.17 ล้านบาท
+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดพุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการในวันนี้ เพราะได้แรงหนุนจากเงินเยนที่อ่อนค่าลง และจากความหวังที่ว่า ชาวอังกฤษจะโหวตให้สหราชอาณาจักรยังคงอยู่ในสหภาพยุโรปต่อไป ในการลงประชามติวันพฤหัสบดีนี้ ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 203.81 จุด ที่ 16,169.11 จุด
+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดบวกในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าชาวอังกฤษจะโหวตให้สหราชอาณาจักรยังคงอยู่ในสหภาพยุโรปต่อไป ในการลงประชามติวันพฤหัสบดีที่ 23 มิ.ย.นี้ เพิ่มขึ้น 158.24 จุด หรือ 0.77% ปิดวันนี้ที่ 20,668.44 จุด นอกจากนี้ ตลาดยังจับตานางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐในวันนี้ และแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันพรุ่งนี้
+++นายลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ) บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ยืนยันว่า นายบุญชัย เบญจรงคกุล ไม่ได้เข้ามาบริหารกิจการหรือดูแลด้านการเงินของธุรกิจประจำวันของดีแทคแต่อย่างใด ซึ่งการดำเนินงานจะอยู่ในกรอบนโยบายและหลักบรรษัทภิบาล ยืนยันว่าดีแทคไม่มีนโยบายที่จะให้การสนับสนุนด้านการเงินหรือด้านใดๆแก่กลุ่มบุคคลใดเป็นพิเศษ นโยบายของดีแทคคือเราจะบริจาคเงินหรือสิ่งของการกุศลต่างๆเฉพาะเพื่อประโยชน์ของสังคมโดยรวมเท่านั้น ไม่มีวัตถุประสงค์เอนเอียง ฝักใฝ่การเมือง หรือศาสนาใดศาสนาหนึ่งและเราไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความเชื่อใดๆของแต่ละบุคคล ในฐานะที่เราเป็นบริษัทที่ให้บริการโทรคมนาคม ดีแทคยึดมั่นในความเป็นกลาง และในหลักบรรษัทภิบาล
+++วุฒิสภาสหรัฐฯลงมติไม่รับร่างกฏหมายควบคุมการซื้อขายอาวุธปืน รวมถึงการควบคุมการขายอาวุธปืนให้แก่คนในบัญชีรายชื่อเฝ้าระวังก่อการร้าย นักการเมืองส่วนใหญ่ของพรรครีพับลิกัน และบรรดาสมาชิกสมาคมผู้ขายปืนไรเฟิลแห่งชาติ ระบุว่าร่างกฎหมายนี้ ซึ่งเสนอโดยพรรคเดโมแครตนั้นขัดแย้งกับเรื่องสิทธิ์การพกปืนเพื่อป้องกันตนเองของพลเมืองอเมริกันตามที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ ในสหรัฐฯในปัจจุบันนี้ ร้านขายปืนจะมีใบอนุญาตจากรัฐบาลกลาง ประชาชนบางกลุ่มอาจจะถูกห้ามไม่ให้ซื้อปืน ถ้าหากพวกเขามีปัญหาสุขภาพจิตหรือเคยทำความผิดในคดีอาญาร้ายแรง แต่ไม่มีการห้ามอย่างชัดเจนสำหรับคนที่อยู่ในรายชื่อเฝ้าระวังเป็นผู้ก่อการร้าย ส่วนอีกช่องทางหนึ่งในการซื้อปืนคือ หาซื้อตามงานแสดงสินค้าประเภทอาวุธปืนหรือสั่งซื้อปืนทางระบบออนไลน์จากพ่อค้าปืนทั่วไป โดยไม่ต้องตรวจสอบประวัติผู้ซื้อโดยละเอียดก่อน