หลังมีกระแสข่าวว่า กรุงเทพมหานคร(กทม.)เตรียมปิดฉากรถเมล์ด่วนพิเศษ หรือ BRT สายช่องนนทรี-ราชพฤกษ์ เนื่องจากประสบภาวะขาดทุน รวมถึงยังมีแนวโน้มที่จะไปต่อยอดการให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเทา พระราม3-ท่าพระ และระบบอื่นมาวิ่งทดแทน ศาสตราจารย์ ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานกรรมการบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด เปิดเผยว่า ยังไม่มีการระบุชัดเจนว่า จะมีการปิดหรือยกเลิกการให้บริการจริงหรือไม่ โดยปกติการเปิดให้บริการในรูปแบบขนส่งมวลชน ไม่มีบริษัทไหนที่ทำแล้วเกิดกำไร ซึ่งกำไรที่ได้จะไม่ใช่รูปแบบของการเงิน แต่จะเป็นในรูปแบบอื่นๆ เช่น ด้านเศรษฐกิจและการลงทุน เป็นต้น ในส่วนตัวไม่ใช้ผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจที่จะหยุดหรือเดินหน้าต่อ เป็นอำนาจของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มองว่า เรื่องอัตราค่าโดยสารเป็นปัจจัยและตัวแปรสำคัญ ปัจจุบันพบสภาวะขาดทุนอยู่ที่ประมาณ1,000ล้านบาท จากการคิดค่าโดยสารในอัตราปัจจุบันคือ5บาทต่อสถานี หากจะลดภาวะขาดทุนอาจจะต้องมีการพิจารณาเรื่องของอัตราค่าโดยสาร BRT หรือรถประจำทางด่วนพิเศษ เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่กลางปี 2553 โดยเริ่มเดินรถต่อจาก Bts ช่องนนทรี ถึงเส้นราชพฤกษ์ รวมระยะทาง 15.9 กม. มูลค่าทั้งโครงการประมาณ 2,000ล้านบาท
ปัจจุบันมีผู้โดยสารเฉลี่ย 2หมื่น3พันคนต่อวัน น้อยกว่าเดิมที่มีการตั้งเป้าไว้ถึง3หมื่นคนต่อวัน โดยจะหมดสัญญาจ้างเดินรถ ในเดือนเมษายน 2560 ขณะนี้สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) อยู่ระหว่างให้บริษัทกรุงเทพธนาคม ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการเดินรถทำข้อเสนอที่คิดว่าเหมาะสมให้กับกทม. เพื่อพิจารณาว่าจะยกเลิกหรือดำเนินการต่อไปอย่างไร โดยยึดถือประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง
ผู้สื่อข่าว:พนิตา สืบสมุทร