*ตร.แจ้งข้อหาศิษยานุศิษย์ขวางการทำงาน ดีเอสไอคาดค้นอีกครั้งก่อน13ก.ค.*

16 มิถุนายน 2559, 15:06น.


หลังจากที่เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้ถอนกำลังออกจากวัดพระธรรมกาย เพื่อกลับมาประชุมที่ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ปฏิบัติการครั้งนี้จะยกเลิกหรือไม่ ยังต้องรอความเห็นจากดีเอสไอว่า จะยุติการเข้าค้นในช่วงบ่ายหรือไม่ ส่วนการขอหมายค้นครั้งที่สอง ยังต้องรอดีเอสไอตัดสินใจอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งดีเอสไอ จะมีเวลาถึง 18.00 น.วันนี้เท่านั้น



จากนั้นได้ประชุมร่วมกับ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ  โดยพล.ต.อ.ศรีวราห์ ระบุว่า ปัญหาของการเข้าไปไม่ได้ในวันนี้ เกิดจากลูกศิษย์ไม่ให้เข้าไป และมีเจตนาไม่ให้เข้า หากดีเอสไอ จะดำเนินการตามกฎหมายก็ให้ร้องขอมาที่ตำรวจ ซึ่งจะรับเรื่องไว้ พร้อมกับดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ส่วนการปฏิบัติงานของตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ยืนยันว่า ไม่ล้มเหลว เพราะระหว่างการตรวจค้นไม่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรง ส่วนดีเอสไอจะถือว่าการปฏิบัติการครั้งนี้ล้มเหลวหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะทำงานและสื่อมวลชน ในทางการข่าวของตำรวจสันติบาล ยืนยันว่า พระธัมมชโยยังคงอยู่ภายในวัด  นอกจากนี้ มีรายงานว่า ขณะนี้ ดีเอสไอ ได้มีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ กับคณะศิษยานุศิษย์ ที่รวมตัวกันมาขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ ยังมีการนำแผ่นข้อความมากีดขวางจราจรรวมถึงรถแบ๊กโฮที่มีการนำมาวางขวางไว้ที่ประตู 1 ด้วย



ด้านพ.ต.ต.สุริยา เปิดเผยว่า การเข้าค้นวัดพระธรรมกายในวันนี้ ได้ยุติลงแล้ว แต่ยังมีการประชุมต่อไป พร้อมยืนยันว่าจะดำเนินการตามขั้นตอนของหมายจับต่อไป โดยคาดว่า การจะมีการเข้าค้นวัดพระธรรมกายครั้งต่อไปก่อนวันที่ 13 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่อัยการสูงสุด จะพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องพระธัมมชโย โดยจะมีการนำผลการตรวจค้นของวันนี้มาประเมินเพื่อปรับแผนในการตรวจค้นครั้งต่อไป ซึ่งยืนยันว่าการตรวจค้นมีขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติตามแผนอยู่แล้ว



ก่อนหน้านี้ พ.ต.ต.สุริยา พร้อมด้วยพระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย นายอำเภอคลองหลวง ปลัดอำเภอคลองหลวง และรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา (พศ.) ร่วมกันแถลงผลการเจรจาเพื่อเข้าตรวจค้นและจับกุมพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมรับของโจร หลังใช้เวลาในการเจรจาดังกล่าวนานกว่า 4 ชั่วโมง



พระสนิทวงศ์ กล่าวว่า สำหรับการตรวจค้นในวันนี้ วัดพระธรรมกายยินดีและให้ความร่วมมือแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างเต็มที่ในการดำเนินการตามกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้แสดงหมายค้นและทำตามขั้นตอนกฎหมายอย่างถูกต้อง ซึ่งทุกอย่างปราศจากความรุนแรง พร้อมทั้งขอพื้นที่จากศิษยานุศิษย์ที่นั่งปฏิบัติธรรมอยู่ตามจุดต่างๆ โดยศิษยานุศิษย์ที่อยู่บริเวณประตู 7 และ 6 ของวัดพระธรรมกายได้ให้ความร่วมกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเป็นอย่างดี แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงบริเวณประตู 5 ก็พบกับกลุ่มศิษยานุศิษย์อีกกลุ่ม ซึ่งพระและเจ้าหน้าที่ก็ได้พยายามเจรจาเพื่อขอให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นภายใน แต่กลุ่มลูกศิษย์ก็ไม่ยินยอมที่จะให้เจ้าหน้าที่ผ่านเข้าไปได้ ซึ่งพระก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากกลุ่มศิษย์ดังกล่าว เป็นผู้ที่มีอายุอาวุโสกว่า อีกทั้ง ยังทำคุณประโยชน์ให้กับวัดพระธรรมกาย ก่อนที่พระสนิทวงษ์จะมาอยู่ที่นี่ ซึ่งก็เหมือนกับเป็นผู้ที่สร้างวัดให้พระในวัดนี้ได้อาศัยอยู่



พระสนิทวงศ์  ยืนยันว่า พระธัมมชโยพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ต้องขอให้พระธัมมชโยหายจากอาการอาพาธก่อน อีกทั้งคดีนี้ยังอยู่ในชั้นอัยการ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ได้รอให้ผ่านกระบวนการในชั้นอัยการให้แล้วเสร็จก่อน ซึ่งไม่อยากให้มีการรีบร้อนหรือเร่งรัดในขั้นตอนการนำตัวพระธัมมชโยไปดำเนินคดีพ.ต.ต.สุริยา กล่าวว่า การปฏิบัติหน้าที่ของดีเอสไอในวันนี้ ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จาก 3 ฝ่าย คือ ดีเอสไอ ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง โดยการดำเนินการตามหมายค้นในวันนี้ ได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการดำเนินการตามหมายจับและหมายค้น อีกทั้ง การดำเนินการในวันนี้เจ้าหน้าที่ทุกคนไม่มีการพกพาอาวุธ รวมถึงไม่ได้ใช้วิธียุทโธปกรณ์ และรถหุ้มเกราะ ตามที่มีการกระแสข่าวก่อนหน้านี้ ทุกขั้นตอนในการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่คำนึงถึงความสงบเรียบร้อยเป็นหลัก และยังได้รับความร่วมมือจากวัดพระธรรมกายเป็นอย่างดี แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่ให้ความร่วมมือและต่อต้าน เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปภายในวัดได้ ทั้งนี้ ในส่วนของกฎหมายดีเอสไอก็จะต้องเดินหน้าทำตามกฎหมายต่อไป



สำหรับการปฏิบัติการในวันนี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน มาใช้ในการบันทึกภาพ เพื่อนำกลับไปเป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีกับบุคคลที่ขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 189 โดยจะนำไปพิจารณาว่าการขัดขวางดังกล่าวเป็นเจตนาที่บริสุทธิ์หรือไม่ ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความยืดเยื้อมาถึงช่วงบ่ายวันนี้ เนื่องจากศิษยานุศิษย์มีจำนวนมากและต้องคำนึงถึงความปลอดภัย



ส่วนกรณีที่พระธัมมชโยยังอยู่ในวัดหรือไม่ ทางการข่าวได้รายงานให้ทราบมาโดยตลอดว่าพระธัมมชโยยังอยู่ในวัด ส่วนปัญหาและอุปสรรคที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้การค้นหาไม่สำเร็จ เป็นเพราะสภาพอากาศ ซึ่งมีฝนตกตลอดทั้งวัน สถานที่ที่เจ้าหน้าที่ไม่ชำนาญ รวมถึงสื่อมวลชนด้วย ทั้งนี้ การดำเนินการในวันนี้ถือว่าเป็นการล้มเหลวหรือไม่ ขอให้สื่อและสังคมเป็นผู้พิจารณากันเอง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่สามารถประเมินการทำงานของตัวเองได้



กรณีที่มีภาพหลุดชายหัวโล้นที่พระและเจ้าหน้าที่ของวัดพระธรรมกายเชิญตัวมาพูดคุยสอบถามว่าปลอมตัวเป็นพระเข้ามาสร้างสถานการณ์หรือไม่ จากการตรวจสอบ พบว่าบุคคลในภาพ คือ ดาบตำรวจปฏิภาณ สูงเนินเขต ตำรวจสืบสวนสายสืบพิเศษ สภ.คลองหลวง ได้เล่าว่าขณะปฏิบัติหน้าที่ที่ประตู 5 บริเวณโรงอาหารตรงสหกรณ์เครดิตยูเนียนมงคลเศรษฐี ก็ได้โกนศรีษะอยู่ข้างรถตัวเอง ขณะนั้นเกิดฝนตกลงมาจึงถอดเสื้อตากและเข้าไปหลบฝนในรถ และมีเจ้าหน้าที่ของวัดมาพบเลยเข้าใจผิดว่าเป็นบุคคลที่แอบอ้างในการเข้ามาก่อเหตุหรือไม่ ซึ่งปกติแล้วตัวเองจะโกนศรีษะเป็นประจำอยู่แล้ว แล้วในรถก็ไม่มีจีวร หรือ หลักฐานอื่นๆที่แสดงตนว่าเป็นพระอยู่ภายในรถ จากการพูดคุยกับพระของวัดพระธรรมกายที่เข้ามาตรวจสอบ ได้มีการทำความเข้าใจพูดคุยว่าตัวเองเป็นตำรวจจริงที่มาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งพระวัดพระธรรมกายก็ไม่ได้ติดใจเอาความและมีการแลกไลน์เพื่อยืนยันอีกด้วย โดยดาบตำรวจปฏิภาณ ได้บอกว่ารู้สึกเครียดและกังวลที่มีภาพและข่าวที่ระบุตัวเองอาจจะเป็นผู้ที่เข้ามาก่อกวน



 



ผู้สื่อข่าว:พนิตา สืบสมุทร , ธนดา  เฉลิมวันเพ็ญ



 



 

ข่าวทั้งหมด

X