*ที่ปรึกษาสบ.10 เผยดีเอ็นเอคนร้ายข่มขืนคนชราในพื้นที่ภาค 7 ตั้งแต่ปี53เป็นคนเดียวกัน*

15 มิถุนายน 2559, 12:47น.


การประชุมชุดสืบสวน สอบสวน และคณะทำงาน ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อการติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุข่มขืนหญิงชราในพื้นที่หลายอำเภอของจังหวัดนครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม ที่ก่อเหตุต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปี 2553 ถึงกรณีล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม 2558 รวม 10 คดี ซึ่งมีหญิงชราเสียชีวิต 2 ราย พล.ต.อ. ปัญญา มาเม่น ที่ปรึกษา สบ 10  เปิดเผยว่า การประชุมในวันนี้เนื่องจาก มีข้าราชการตำรวจในพื้นที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ จึงเรียกมาประชุมพูดคุยและวางแผนป้องกันร่วมกัน โดยจากการตรวจสอบดีเอ็นเอของคนร้ายที่เก็บได้ พบว่าผู้ที่ก่อเหตุทั้ง 10 คดี เป็นบุคคลคนเดียวกัน ซึ่งได้มีการออกหมายจับไปแล้วก่อนหน้านี้ เป็นชายผมหยักโสกยาวปะบ่า อายุประมาณ 35 ปี ซึ่งน่าจะประกอบอาชีพเป็นคนงานในพื้นที่เกิดเหตุ



พล.ต.อ. ปัญญา เชื่อว่า จะจับกุมคนร้ายได้ ถ้าคนร้ายยังไม่เสียชีวิตไปก่อน เบื้องต้นมั่นใจว่าผู้ก่อเหตุยังไม่เสียชีวิต เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บลายนิ้วมือแฝงในที่เกิดเหตุได้ เมื่อนำไปตรวจสอบกับทะเบียนประวัติยังไม่พบว่าบุคคลดังกล่าวเสียชีวิต แม้ว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นหลายปีแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถติดตามจับกุมตัวคนร้ายได้ ทางผู้บัญชาการ ก็ได้มีการประเมินการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนมาโดยตลอด ซึ่งชุดสืบสวนในพื้นที่ยืนยันในที่ประชุมว่าได้เฝ้าจับตา และซุ่มตามบ้านพักของผู้เสียหาย เพื่อเตรียมการจับกุมคนร้ายมาตลอด แต่จนขนาดนี้ยังไม่พบตัวผู้ก่อเหตุ จึงอยากให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาในการติดตามคนร้ายด้วย



สำหรับในช่วงบ่ายวันนี้ จะมีการเรียกประชุมความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีชิงทรัพย์รถขนเงิน ปล้นธนาคาร ลักตู้เซฟธนาคารทั้งหมด ที่เกิดเหตุในหลายพื้นที่ ซึ่งมีการจับกุมได้ในหลายพื้นที่แล้ว และได้นำตัวผู้ต้องหามาสืบสวนขยายผลซึ่งแต่ละพื้นที่ทั้งภูธรภาค1, 2 และ 7  ทั้งนี้ยังเหลือเหตุชิงทรัพย์เคาน์เตอร์ ธนาคารทหารไทยย่านบางประกง 2 ครั้ง และพื้นที่สน.บางนาอีก 1 ครั้ง ที่ยังจับกุมผู้ก่อเหตุไม่ได้  แต่จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกัน  ซึ่งจากการสืบประวัติพบว่าคนร้ายมีประวัติการทำผิดในข้อหาฉ้อโกง ข่มขู่ กรรโชกทรัพย์ด้วย โดยเจ้าหน้าที่ได้มีการหารือทำความเข้าใจกับธนาคารต่างๆ ในการให้ความร่วมมือแบะแจ้งเบาะแส ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้คดีในลักษณะนี้จะน้อยลง

ข่าวทั้งหมด

X