นายเดวิด ลิปตัน รองกรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ กล่าวในระหว่างการประชุมเศรษฐกิจที่เมืองเสิ่นเจิ้น ของจีน แนะนำให้จีนดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินของภาคเอกชนที่อยู่ในระดับสูงถึงร้อยละ 145 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี ทั้งยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีก ขณะที่ภาวะหนี้สินโดยรวมทั้งหมดอยู่ที่ร้อยละ 225 ของจีดีพี และทำให้มีความเป็นไปได้ที่ว่าจีนจะเผชิญความเสี่ยง จากการพึ่งพาการส่งออกเป็นหลักไปเป็นการเน้นการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจ
ทั้งนี้รัฐวิสาหกิจของจีนเป็นหนี้เอกชนมากถึงร้อยละ 55 แต่มีผลผลิตทางเศรษฐกิจร้อยละ 22 ขณะที่การขยายตัวของเศรษฐกิจของจีนรายไตรมาสชะลอตัวมากที่สุดในรอบ 10 ปี เมื่อปี 2558 ก็เป็นผลมาจากปัญหาหนี้สินและการผลิตสินค้าล้นตลาด ซึ่งไอเอ็มเอฟ ระบุด้วยว่าเงินกู้ของเอกชนประมณ 1 ล้าน 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐนั้น เป็นเงินกู้ของบริษัทที่ไม่มีเงินสำรองมากพอที่จะจ่ายดอกเบี้ย และหากไม่มีการแก้ไขก็จะทำให้ธนาคารซึ่งเป็นเจ้าหนี้ต้องขาดทุนเป็นจำนวนเงินที่เท่ากับร้อยละ 7 ของจีดีพี
..