*นายกฯไม่สนนปช.ตั้งศ.ปราบโกง ปัดใช้งบหมื่นล้านทำประชามติ *

หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติของกลุ่มนปช. ว่า ก็ให้ตั้งไป แต่ส่วนตัวไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว และจะไม่มีมาตรการใดๆออกมา เพราะมองเป็นเพียงอากาศธาตุไม่สนใจ ส่วนการออกมาแสดงความคิดเห็นของนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. จะมีเจตนาอย่างไรก็ไม่ได้สนใจ และไม่สามารถเร่งรัดการพิจารณาของศาลได้ และขอสื่ออย่าไปขยายความ

รวมถึงการออกมาระบุของนายจตุพร ว่า งบประมาณในการทำประชามติอาจจะสูงถึง 1 หมื่นล้านนั้น  พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้อนุมัติหลักการงบประมาณในการทำประชามติไปเพียง 3 พันล้านบาทเท่านั้น  ส่วนจะไปเพิ่มเติมตรงไหนก็ไปว่ามา แต่ส่วนตัวไม่ได้อนุมัติอะไรเพิ่มเติม และยืนยันไม่อนุมัติอะไรส่งเดชถึง 1 หมื่นล้าน ซึ่งหากบอกว่างบฯการทำประชามติจะสูงถึง 1 หมื่นล้านก็ไปหาหลักฐานมา

ส่วนหากจะมองจากสถานการณ์แล้ว คิดว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งจะสามารถจัดทำประชามติได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หากมีความรุนแรง  ฝ่ายความมั่นคงก็ต้องดูแล ถ้าตีกันแล้วทำไม่ได้ก็ทำไม่ได้ แต่ถ้าตีกันแล้วทำได้ก็ทำ แต่หากตีกันถึงขั้นเอาระเบิดเอาปืนมายิงกันมันก็จัดทำประชามติไม่ได้เหมือนที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรีระบุว่า จะให้หยุดทุกคนตีกันมันก็ไม่ใช่ อยากตีกันเอง ผมก็ต้องหยุดให้ได้ แต่อย่าใช้อาวุธสงครามยิงใส่กัน

ส่วนกรณีศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยหลังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นให้มีตีความ กฎหมายประชามติ มาตรา 61 วรรค 2 ขัดต่อรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2559 หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่มีความเห็นและไม่คาดการณ์ล่วงหน้า ต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ส่วนเมื่อศาลตีความแล้วครม.จะส่งเรื่องเสนอไปยังสนช. หรือไม่นั้น ก็ปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ หากพิจารณาว่าผิดเฉพาะมาตรา ก็อย่าอย่าตีรวนว่าผิดทั้งหมดทั้งฉบับ แล้วกล่าวว่า ตัวเองล้มร่างรัฐธรรมนูญ หรือแกล้งเขียนให้ผิด

ส่วนปัญหาข้อสอบโอเน็ตของมัธยมศึกษาปีที่ 6 วิชาสังคมศึกษาผิดพลาดนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตรวจสอบแล้วเรื่องข้อสอบผิด แต่ไม่อยากให้มองตรงนี้เพราะว่าผิดข้อเดียวไม่ใช่ 5 ข้อ และถือเป็นความคลาดเคลื่อนที่ต้องเห็นใจเพราะข้อสอบมีจำนวนมาก แต่โดยหลักการสำคัญคือที่ผ่านมาไม่เคยมีการเฉลยข้อสอบ เด็กสอบไปแล้วไม่รู้ถูกหรือผิด เด็กก็ไม่มีความรู้ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการเฉลยข้อสอบ จึงขอให้รอกระทรวงศึกษาธิการปรับปรุงแก้ไข ซึ่งมีวิธีการทั้งตำหนิ ภาคทัณฑ์ และวินัยข้าราชการอยู่แล้ว และเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย