*รองผอ.รพ.ค่ายภาณุรังษีผิดวินัย ออกใบรับรองแพทย์ธัมมชโย/ขนย้ายเสือวัดหลวงตาบัว /กทค.ปรับแจสโมบาย199ลบ.*

02 มิถุนายน 2559, 07:23น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30น.



+++คดีธัมมชโย พลตรี ชวลิต พงษ์พิทักษ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 16 กล่าวถึงผลการสอบกรณีการออกใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลค่ายภาณุรังษี ให้กับพระธัมมชโย  ว่า จากการสอบสวน พ.ท.นพ.ศิริพงษ์  พัฒนธนาพิสุทธิ์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายภาณุรังสี ผู้ออกใบรับอรงแพทย์ให้นั้น พบว่า มีความผิดจริง ถือเป็นความบกพร่องทางวินัย แต่ตอนนี้ยังชะลอการลงโทษอยู่ เนื่องจากจะต้องรอการสอบสวนของทางดีเอสไอ และแพทยสภา เกี่ยวกับเนื้อหาของใบรับรองแพทย์ เพื่อจะได้พิจารณาพร้อมกัน  โดยต้องแยกความผิดออกเป็น 2 ส่วน 1. ในส่วนของเนื้อหาเกี่ยวกับอาการป่วย นั้นต้องเป็นหน้าที่ของดีเอสไอ  และแพทยสภาในการตรวจสอบ 2. การออกใบรับรองแพทย์ในนามของโรงพยาบาลค่ายนั้น  ถือว่าเป็นความผิด เพราะมีการใช้แบบฟอร์มของโรงพยาบาล ทั้งนี้ผู้ป่วยไม่เคยมาตรวจรักษา ไม่มีประวัติการรักษามาก่อน เรื่องนี้ถือเป็นความผิดชัดเจน ต้องรับโทษทางวินัยของทหาร แต่ยังไม่พิจารณา   ซึ่งในระหว่างนี้ก็ให้ชะลอการปฏิบัติหน้าที่ในส่วนของรอง ผอ.รพ. เนื่องจาก เพื่อมิให้มีการใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปในทางมิชอบ ให้ปฏิบัติในตำแหน่งของแพทย์ผู้ปฏิบัติแทน ส่วนโทษที่อาจได้รับนั้น ยังขอไม่เปิดเผย ต้องดูตามระเบียบของทหาร ส่วนในวันนี้ แพทยสภาประชุมพิจารณาว่าจะส่งแพทย์เข้าไปตรวจอาการอาพาธของพระธัมมชโย ในวันนี้ ด้วย



+++ที่วัดพระธรรมกาย ณ ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี โดยเฉพาะที่บริเวณประตู 1 ซึ่งเดิมรถแบ็กโฮจอดขวางประตูอยู่ ได้มีการนำออกไปแล้ว แต่ขณะเดียวกันในบริเวณใกล้กับประตู 5 มีการนำกระสอบทรายขนาดใหญ่และท่อคอนกรีตมาตั้งไว้ โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันมือที่ 3 ที่จะเข้ามาก่อเหตุ ขณะที่ประตู 6 ก็มีการนำลวดหนามหีบเพลงเข้าไปติดเสริมตลอดแนวประตู พร้อมทั้งติดตั้งพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบริเวณประตู 7 ด้วย  ตลอดทั้งวันโลกออนไลน์เริ่มมีการเผยแพร่ภาพและแชร์รูปของบุคคลที่เคยเป็นการ์ดคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ซึ่งหลายคนได้นุ่งขาวห่มขาวปะปนอยู่กับศิษยานุศิษย์อยู่ในวัดพระธรรมกายด้วย



+++พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวในเรื่องนี้ว่า ได้ติดตามตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอยู่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่เราพิจารณาเพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงในการเข้าจับกุมตัวพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ สุทธิผล) หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายด้วย  ด้านพระเทพรัตนสุธี เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เพื่อให้ช่วยประสานพระธัมมชโยมามอบตัวว่า พระเทพรัตนสุธีระบุว่าจะเป็นตัวกลางในการดำเนินการให้



+++พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงและผู้บัญชาการเหล่าทัพในวาระพิเศษ โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 1.30 ชั่วโมง ซึ่งมีรายงานว่าได้มีการหารือถึงสถานการณ์วัดพระธรรมกายและเรื่องแรงงาน  พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวในเรื่องนี้ว่า พล.อ.ประวิตรมีความห่วงใยสอบถามถึงภาพรวมของสถานการณ์ จึงมีการหารือและให้ประเมินสถานการณ์ ซึ่งท่านเน้นย้ำว่า การดำเนินการต่างๆ ต้องทำด้วยความระมัดระวัง ไม่ก่อให้เกิดความรุนแรง และยึดตามกรอบกฎหมาย พร้อมให้รอเวลาที่เหมาะสมในการเข้าเชิญตัวพระธัมมชโยเข้ามารับทราบข้อกล่าวหา โดยในขณะนี้ยังให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือดีเอสไอและตำรวจ



+++ส่วน น.ส.ลีลาวดี วัชโรบล คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย กล่าวถึงกรณีมีการนำเสนอภาพตนเองถูกตัดต่อประกอบข้อความว่า “ถ้าหลวงพ่อธัมมชโยผิดจริง ดิฉันและสาวกจะพร้อมใจกันผูกคอตาย”กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง และได้เดินทางไปแจ้งดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดที่ทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดจากการตัดต่อภาพและข้อความอันเป็นเท็จแล้ว รวมทั้งขอให้ พล.อ.ไพบูลย์ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดมาลงโทษเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับสังคม รวมถึงกรณีการแชร์ข้อความว่าพระธัมมชโยหลบหนีออกจากประเทศด้วย



+++พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ ได้เข้ากราบนมัสการสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์  (ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ และผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช โดย พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า มากราบนมัสการขอพรสมเด็จช่วง โดยตั้งใจมาตั้งแต่วันคล้ายวันเกิดแล้ว และไม่ได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องพระธัมมชโยแต่อย่างใด



+++นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และ นพ.ดร.มโน ได้เข้ายื่นหนังสือต่อสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม ในฐานะท่านเป็นเจ้าคณะใหญ่หนกลาง เพื่อกล่าวหาพระธัมมชโยที่ได้กระทำการอวดอุตริมนุสธรรมล่วงละเมิดพระธรรมวินัยอันเป็นครุกาบัติ โดยการกระทำครบองค์แห่งอาบัติ พร้อมด้วยองค์ 5 ผู้ถูกกล่าวหาจึงเป็นปาราชิก ซึ่งมีพระราชรัตนมุนี เลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนกลาง เป็นผู้แทนรับหนังสือ



+++ความคืบหน้าปฏิบัติการขนย้ายเสือจากวัดป่าหลวงตาบัวญาณสัมปันโน จ.กาญจนบุรี พบพบซากลูกเสือจำนวน 40 ซาก และสัตว์ป่าที่มีการครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเพิ่มเติม เช่น นกเงือก 6 ตัว สิงโต 1 ตัว เจ้าหน้าที่ได้อายัดและเตรียมแจ้งความข้อหาครอบครองสัตว์ป่าโดยไม่รับอนุญาต ตามกฎหมายสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535   ส่วนการขนย้ายเสือโคร่งของกลางที่ฝากเลี้ยงชั่วคราวจากวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ไปไว้ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง อ.จอมบึง จ.ราชบุรีและที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน อ.จอมบึง จ.ราชบุรี โดยขนย้ายเสือไปแล้ว 40 ตัว จากทั้งหมด 137 ตัว คาดต้องใช้เวลาในการขนย้ายประมาณ 7 วัน ในการ ขนย้ายครั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังตรวจยึดนกเงือก สัตว์ป่า คุ้มครองถูกขังในกรงอีก 7 ตัว พร้อมแจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ล่าสุดเจ้าหน้าที่พบซากลูกเสือจำนวนมากถูกแช่แข็งไว้ภายในวัด



+++ขณะเดียวกันนายอดิศร นุชดำรงค์ รองอธิบดีกรมอุทยานฯ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่ามีการซุกซ่อนซากสัตว์ป่าไว้ที่ห้องเย็นภายในบ้านเกาะเสือจึงนำกำลังเข้าตรวจสอบพบซากลูกเสือจำนวน 40 ตัว อายุตั้งแต่ในท้องจนถึงตกลูกออกมาไม่เกิน 7 วันและซากหมีขอ เขาวัว เขากวางและอวัยวะอื่นๆอีกจำนวนมาก จึงยึดนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการ ในเบื้องต้นได้ให้คณะสัตวแพทย์เก็บดีเอ็นเอของซากลูกเสือทั้งหมดนำไปเปรียบกับเสือโคร่งทั้งหมดว่าเป็นสายพันธุ์เดียวกันหรือไม่ พร้อมให้พนักงานสอบสวนสืบหาตัวผู้ครอบครองมาสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป ส่วนวัตถุประสงค์ในการนำซากลูกเสือแช่แข็งนั้นยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่เข้าใจว่าเสือมีราคาแพง เมื่อเสือตกลูกออกมาตายเลยจับแช่แข็งไว้เพื่อธุรกิจบางอย่างซึ่งจะสอบสวนในรายละเอียดอีกครั้ง สำหรับเสือโคร่งที่จับได้รวม 64 ตัวจะส่งไปยังสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้างและสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน จ.ราชบุรีแล้วโดยมีทีมงานของคณะสัตวแพทย์กับเจ้าหน้าที่สำนักคุ้มครองสัตว์ป่าคอยดูแลอย่างใกล้ชิด



+++ส่วนการดำเนินคดีผู้บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ และป่าสงวนแห่งชาติเขารวก เขาเมือง จังหวัดภูเก็ต ล่าสุดศาลจังหวัดภูเก็ตพิพากษาจำคุกผู้บุกรุก 5 คน มีโทษตั้งแต่ 8 ปี จนถึง 14 ปี โดยไม่รอลงอาญา พร้อมค่าปรับอีกกว่ารายละ 9 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการที่เจ้าหน้าที่พบมีการนำหลักฐานปลอมมาขอเอกสารสิทธิ จึงเข้าตรวจสอบและจับกุม พบด้วยว่ามีนายทุนในพื้นที่อยู่เบื้องหลัง



+++นายฐากร  ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แถลงว่า รายงานผลการพิจารณาความรับผิดชอบกรณี บริษัท แจส โมบาย บอร์ดแบนด์ ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการดำเนินการก่อนรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์  ส่วนการเรียกค่าเสียหายบอร์ด กทค.เห็นควรพิจารณาเรียกค่าเสียหายมากกว่าเงินค้ำประกันการประมูล รวมแล้วค่าเสียหายที่จะเรียกจากแจสจำนวน 199.423 ล้านบาท สำหรับการตรวจสอบพฤติกรรมของบริษัท กทค.เห็นว่า เมื่อพิจารณาตามกรอบของกฎหมายยังไม่พบเหตุที่จะเป็นความเสียหายที่ทำให้รัฐเสียประโยชน์หรือมีการสมยอมราคา หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะนำรายงานไปใช้เพื่อประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกสทช.ก็พร้อมจะให้เปิดเผยรายงานผลการตรวจสอบ ทั้งนี้กสทช.จะทำหนังสือให้แจสทำการจ่ายเงินค่าเสียหายภายใน 15 วัน

ข่าวทั้งหมด

X