ตัวแทนประชาชนยื่นหนังสือเรียกร้องเดินหน้าเหมืองทองคำ ส่วนพรรคเพื่อไทยร่วมตรวจสอบอผศ.*

ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ยกเลิกดำเนินการเหมืองทองคำภายในสิ้นปีนี้   นายโสภณ  พรโชคชัย  เครือข่ายรักษ์สิ่งแวดล้อมและประชาชนอย่างยั่งยืน เข้ายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์บริการประชาชน ข้างทำเนียบรัฐบาล โดยขอให้เหมืองทองคำชาตรีมีการทำเหมืองต่อไป โดยเหมืองทองคำชาตรี ตั้งอยู่ใน ต.เขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร เป็นของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน)  นายโสภณ กล่าวว่าประชาชนส่วนใหญ่คือ ร้อยละ 78 ต้องการให้เหมืองทองคำอยู่ต่อไป แต่มีเพียง 2 หมู่บ้านที่เห็นต่าง  ส่วนที่มีการรายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 2 ราย จากมลพิษเหมืองนั้น แท้จริงแล้วไม่ได้มาจากการทำเหมือง แต่มาจากโรคตับแข็ง และร่างกายอ่อนแรง โดยยืนยันว่าการปนเปื้อนสารเคมีนั้น เกิดขึ้นก่อนการทำเหมือง  และในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา ยังไม่พบผู้เสียชีวิตจากสารเคมีที่เกิดจากเหมือง พร้อมขอให้ผู้ร่วมลงชื่อเรียกร้องให้ยุติการเหมืองทองคำ ซึ่งส่วนใหม่เป็นคนในเขตกรุงเทพมหานคร ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ โดยขอให้เข้าใจข้อเท็จจริง  และไม่ต่อต้าน

  

ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย เดินทางเข้ายื่นหนังสือ เพื่อให้รัฐบาลสั่งทบทวนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ให้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านฝึก หรือ อผศ. รับขุดลอกคูคลองโดยวิธีกรณีพิเศษหลังพบไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ได้รับสิทธิพิเศษ พร้อมสอบสวนและทบทวน  ซึ่งไม่ได้จงใจจับผิด อผศ. แต่เป็นเพียงการตรวจสอบสิทธิที่มีเงื่อนไขของ อผศ.ว่าจะต้องดำเนินการขุดลอกคูคลองด้วยตนเอง ซึ่งพบว่ามีการร้องเรียนว่าสัญญาการจ้างขุดลอก เนื่องจากมีการจ้างหน่วยงานเอกชน เพราะไม่มีอุปกรณ์ เครื่องมือ และความชำนาญ จึงได้รวบรวมสัญญาจัดซื้อจัดจ้างจากสำนักงานตรวจสอบแผ่นดิน โดยใช้งบกลาง งบลงทุน และเงินกู้ เบื้องต้นทางสำนักงานการตรวจสอบภายในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตรวจสอบแล้วพบว่า การดำเนินการของ อผศ.ไม่สำเร็จ และถูกเรียกค่าปรับร้อยละ 5 ทั้งที่อผศ.ได้ประโยชน์ แต่เสียค่าปรับ หากปล่อยให้อผศ.ทำต่อไปอาจจะเกิดความเสียหาย รวมถึงมีอดีตนักการเมืองเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย 

 พร้อมกันนี้ นายเรืองไกร ยืนยันว่า การให้สิทธิพิเศษแก่ อผศ. นั้นเกิดในสมัยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ใช่เกิดในสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่อย่างใด

...

 

ผสข.ปิยะธิดา เพชรดี