ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก2015/16 นัดชิงชนะเลิศ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา "เรอัล มาดริด" ดวลจุดโทษเอาชนะ "แอต.มาดริด" คู่อริร่วมเมืองไป 5-3 หลังเสมอกันในเกม 120 นาที 1-1 คว้าแชมป์UCL เป็นสมัยที่ 11 ไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ที่สนามซานซิโร่ เมืองมิลาน
ซึ่งผลการแข่งขันในครึ่งแรก ปรากฎว่า *เริ่มเกมได้ 15 นาที เรอัล มาดริด ออกนำไปก่อนเมื่อ แกเร็ธ เบล โขกลูกฟรีคิกที่ โทนี่ โครส เปิดมาให้ เซร์คิโอ รามอส ยิงเข้าไปจ่อๆ ให้มาดริด ออกนำก่อน และจบครึ่งแรกด้วยการนำ 1-0
*ครึ่งหลัง แอตเลติโก้ มาดริด น่าจะได้ประตูตีเสมอในนาที 48 เมื่อ เปเป้ ไปทำฟาลว์ ตอร์เรส ในกรอบเขตโทษ แต่ อองตวน กรีซมันน์ ยิงจุดโทษไปชนคาน
*ถัดมาในนาที 79 ฆวนฟราน จ่ายบอลให้ การ์ราสโก้ ชารจ์จ่อๆเข้าไป ทำให้ตราหมีตีเสมอ 1-1
*จบเกม 90 นาทีเสมอกันไป 1-1
*ต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาทีทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้ต้องดวลจุดโทษตัดสิน
ในช่วงดวลจุดโทษเรอัล มาดริดยิงเข้าหมดทั้ง ลูกัส บาซเกซ, มาร์เชโล่, แกเร็ธ เบล, เซร์คิโอ รามอส และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ส่วนตราหมียิงเข้า 3 คือ อองตวน กรีซมันน์, กาบี, ซาอูล ญีเกซ แต่ ฆวนฟราน ยิงชนเสา ทำให้ราชันชุดขาวคว้าแชมป์UCLสมัยที่ 11 ไปครอง และทำสถิติครองถ้วยบิ๊กเอียร์ สูงสุดตลอดกาลต่อไป
ทำเนียบแชมป์ UEFA Champions League
อันดับ 1 เรอัลมาดริด 11 สมัย (1955-56, 1956-57, 1957-58, 1958-59, 1959-60, 1965-66, 1997-98, 1999-2000, 2001-02, 2013-14,*ล่าสุด 2015-2016)
อันดับ 2 เอซี มิลาน 7 สมัย (1962-63, 1968-69, 1988-89, 1989-90, 1993-94, 2002-03, 2006-07)
อันดับ 3 บาเยิร์นมิวนิก 5 สมัย (1973-74, 1974-75, 1975-76, 2000-01, 2012-13)
บาร์เซโลนา 5 สมัย (1991-92, 2005-06, 2008-09, 2010-11, 2014-15)
ลิเวอร์พูล 5 สมัย (1976-77, 1977-78, 1980-81, 1983-84, 2004-05)
อันดับ 4 อายักซ์ อัมสเตอร์ดัม 4 สมัย (1970-71, 1971-72, 1972-73, 1994-95)
อันดับ 5 อินเตอร์ มิลาน 3 สมัย (1963-64, 1964-65, 2009-10)
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 3 สมัย (1967-68, 1998-99, 2007-08)
.png)
สามารถดาวน์โหลด JS100 Application ได้ทั้งระบบ IOS และ Andriod ฟรี!!
.jpg)