ประธานาธิบดีบารัก โอบามาของสหรัฐฯบอกรัฐบาลเวียดนามในวันนี้ว่า สิทธิมนุษชนขั้นพื้นฐานจะไม่กระทบต่อความมั่นคงของเวียดนาม เป็นการโน้มน้าวให้เวียดนาม ซึ่งปกครองประเทศแบบพรรคการเมืองเดียวให้ยกเลิกแนวคิดการควบคุมอำนาจแบบเบ็จเสร็จ ในสุนทรพจน์ซึ่งผู้นำสหรัฐฯได้พูดหลายประเด็น รวมถึงย้อนถึงบาดแผลในช่วงสงครามเวียดนาม สร้างความเจ็บปวดให้แก่ครอบครัวชาวเวียดนามหลายล้านคนและชาวอเมริกัน 6 หมื่นคนที่เสียชีวิตในช่วงสงคราม สร้างความบอบช้ำให้แก่ทั้งสองประเทศและทำให้ประเทศทั้งสองมุ่งมองไปที่อนาคตของประเทศมากกว่าความขัดแย้งในอดีต
ผู้นำสหรัฐฯได้กล่าวสุนทรพจน์ในเวทีประชุมแห่งชาติในกรุงฮานอย มีผู้ฟังแน่นห้องประชุม รวมถึงผู้บริหารหลายคนของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ระบุว่าการคุ้มครองเรื่องสิทธิมนุษยชนไม่ใช่ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ ที่ผ่านมารัฐบาลเวียดนามใช้กำลังปราบปรามการประท้วง จับกุมกลุ่มผู้คัดค้านรัฐบาล ห้ามจัดตั้งสหภาพแรงงาน พร้อมทั้งควบคุมสื่อ แต่ผู้นำสหรัฐฯกล่าวว่าการส่งเสริมเรื่องสิทธิมนุษยชนจะช่วยสร้างเสริมความมั่นคงและวางรากฐานไปสู่ความก้าวหน้าของประเทศในระยะยาว สำหรับการเยือนเวียดนามครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกของนายโอบามา และนับเป็นผู้นำคนที่ 3 ของสหรัฐฯที่เยือนเวียดนามขณะดำรงตำแหน่งนับแต่สิ้นสุดสงครามเวียดนามเมี่อปีพ.ศ.2518 แต่การเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามโดยตรงของสหรัฐฯสิ้นสุดลงเมื่อพ.ศ.2516
การเยือนเวียดนามของผู้นำสหรัฐฯครั้งนี้จะกำหนดทิศทางสัมพันธ์ระหว่างสองอดีตคู่ปรปักษ์ในยุคสงคราม โดยสหรัฐฯได้ยกเลิกมาตรการห้ามค้าอาวุธและกระชับสัมพันธ์ทางการค้าให้มากยิ่งขึ้น แต่ผู้นำสหรัฐฯก็แสดงท่าทีระมัดระวังโดยการไม่ตำหนิเจ้าภาพด้วยถ้อยคำรุนแรงเกินไปในประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนขณะเดียวกัน ชาวเวียดนามต้อนรับผู้นำสหรัฐฯอย่างอบอุ่นไม่ว่าเขาจะไปที่ใดก็ตาม รวมถึงการแวะภัตตาคารข้างถนนแห่งหนึ่งเมื่อดึกวานนี้ ซึ่งผู้นำสหรัฐฯดื่มเบียร์ และทานก๋วยเตี๋ยว อาหารท้องถิ่น