*ที่ประชุมครม.เห็นชอบภาคีคุ้มครองบุคคลจากการบังคับให้หายสาบสูญ*

24 พฤษภาคม 2559, 16:59น.


หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.ต.สรรเสริญแก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญและ อนุมัติร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและบังคับบุคคลให้สูญหาย ซึ่งสอดคล้องกับอนุสัญญาดังกล่าว และในร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและบังคับบุคคลให้สูญหายได้มีการกำหนดบทลงโทษและอายุความที่มีถึง 20 ปี รวมไปถึงกำหนดไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด เจ้าหน้าที่รัฐหรือบุคคลอื่น ก็ไม่สามารถนำมาอ้างในการอุ้มบุคคลให้สูญหายหรือทรมานได้ และสำหรับผู้ที่ถูกจำกัดเสรีภาพจะต้องสามารถได้รับการติดต่อทนายความหรือญาติและสามารถทราบและเห็นถึงสถานที่ที่ตนเอง ถูกจำกัดอยู่ในพื้นที่  นอกจากนี้ยังต้องมีการตั้งคณะกรรมการ กำหนด นโยบาย และแผนงานรวมไปถึงประสานงานในการทำคดี ซึ่งขอยืนยันว่าเมื่อพระราชบัญญัติดังกล่าวผ่าน และมีการประกาศใช้แล้วจะไม่เป็นปัญหากับการทำงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือคสช. เนื่องจากที่ผ่านมาคสช.ก็ไม่เคยมีการอุ้มหรือทรมานผู้ใดอยู่แล้ว แต่เป็นการเชิญมาพูดคุยปรับความเข้าใจ โดยได้มีการแจ้งให้ญาติ หรือ ครอบครัวได้รับทราบตลอดเวลา



ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบโครงการบ้านพักข้าราชการ (บ้านหลวง) ปี 2559  ระยะเร่งด่วน 13 โครงการ จำนวน 783 ยูนิต สำหรับข้าราชการกองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพ บก กองทัพอากาศ ตำรวจ และข้าราชการพลเรือน จำนวน18 จังหวัดในพื้นที่ภาค กลาง ตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ซึ่งโครงการดังกล่าวอยู่ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย 10 ปี (พ.ศ. 2559 ถึง 2568) โดยมีเป้าหมายโครงการทั้งหมดตั้งแต่ปี 2559-2562 จำนวน 25,000  ยูนิต



ที่ประชุมคณะรัฐมนตรียังอนุมัติหลักการ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และร่างพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ เพื่อให้การจดทะเบียนนิติบุคคลสามารถทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งจากเดิมการจดทะเบียนนิติบุคคลจะต้องมีบุคคล 3 คนขึ้นไปแต่การปรับแก้ไขร่างพระราชบัญญัติได้กลับให้เหลือบุคคลเพียง 2 คนขึ้นไปก็สามารถจดทะเบียนได้ซึ่งถือเป็นการตอบรับ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม รวมไปถึงนักลงทุนหน้าใหม่ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น  รวมทั้งอนุมัติการขอรับจัดสรรงบกลางสำหรับการชำระเงินทุนงวดแรกในการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย-จีนเป็นเงินจำนวน 2027 ล้านบาท ซึ่งการที่ไทยได้เข้าร่วมในครั้งนี้ถือเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีในด้านเศรษฐกิจของประเทศ

ข่าวทั้งหมด

X