หลังเดินทางกลับจากเดินทางเยือนประเทศรัสเซียอย่างเป็นทางการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวว่า การเดินทางไปเยือนรัสเซียประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการพูดคุยทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างกันโดยมีการประชุมในหลายประเด็น ได้ข้อสรุป คือการเร่งรัดพัฒนาในทุกๆด้านเพื่อให้อาเซียนและรัสเซียมีความเชื่อมโยงมากกว่าเดิม เน้นด้านความมั่นคง เรื่องก่อการร้ายอาชญากรรมข้ามชาติ อาชญากรรมทางไซเบอร์ เศรษฐกิจและสังคม นอกจากนี้ ยังได้พูดคุยกับประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศเมียนมาร์ และผู้นำเวียดนาม ที่หารือในเรื่องการค้า การลงทุน นอกจากนี้กำลังอยู่ระหว่างศึกษาข้อมูลในการเข้าร่วมเกี่ยวกับความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ทีพีพี) ถึงผลดี ผลเสียอย่างรอบคอบ พร้อมขออย่ากลัวว่าหากลงนามแล้วเสียเปรียบ เพราะรัฐบาลนี้ไม่ทำให้เสียเปรียบอย่างแน่นอน
ส่วนเรื่องซื้อยุทโธปกรณ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีการพูดคุยกับประเทศรัสเซีย ซึ่งไทยมีความจำเป็นเรื่องการทหาร เรื่องการอพยพประชาชน การใช้เฮลิคอปเตอร์ดับไฟป่า แต่จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการศึกษาร่วมกันในการซื้อ ขณะนี้คนสนใจแต่ว่าจะซื้อไม่ซื้อ และทุจริตหรือไม่ จะคำนึงถึงความจำเป็นในการใช้งานด้วย สำหรับวันที่ 22 พ.ค. จะครบรอบ 2 ปีการทำงานของคสช . มีการประเมินผลงานอย่างไร
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่าทุกคนจะประเมินอย่างไร แต่หากทุกคนเห็นว่าไม่ดีก็เลิกไป การพูดคุยของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 19 พ.ค. โดยพรรคการเมืองขอให้ผ่อนปรนเรื่องการดำเนินกิจการของพรรคการเมือง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นการได้คืบจะเอาศอก และยังไม่มีการผ่อนปรน ส่วนตัวรับทราบทุกเรื่อง ที่ได้มีการพูดคุยระหว่าง กกต.และพรรคการเมืองทั้งหมดแล้ว พร้อมย้อนถามนักการเมืองว่า เคยตอบคำถามได้ไหม หรือไม่ว่า ที่ผ่านมาได้ทำอะไรบ้าง มีแต่ปลุกปั่น และหาว่ารัฐบาลจะทำให้ประชามติไม่ผ่าน ส่วนตัวมองว่ารัฐธรรมนูญที่ร่างมาไม่แตกต่างจากฉบับเก่า มีเพียงแต่ลงโทษพรรคการเมืองเท่านั้นที่ทำให้นักการเมืองไม่พอใจ
นายกรัฐมนตรียืนยันว่าจะยังไม่มีการผ่อนปรนการให้แสดงออกในเรื่องการทำประชามติ หรือแก้ไขพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ส่วนหากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านจะตั้งกรรมการใหม่ร่างใหม่ หรือนำรัฐธรรมนูญฉบับปีพ.ศ. 2540 หรือ 2550 มาทำใหม่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่ทราบ รวมไปถึงไม่ทราบเช่นกันว่าหากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติจะทำให้โรดแม็พการเลือกตั้งซึ่งตั้งไว้ในปี 2560 ขยายระยะเวลาเพิ่มหรือไม่ แต่ก็พูดมาตลอดว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในปี2560
นายกรัฐมนตรี ขอให้สื่อมวลชนคำนึงถึงเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะการถ่ายทอดสด กรณี ดร.วันชัย ดนัยตโมนุท ตัดสินใจยิงตัวเองเมื่อวันที่ 19 พ.ค. เพราะเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง และทำให้เกิดความรุนแรง ขอให้เห็นใจญาติผู้เสียชีวิต และเรื่องดังกล่าวก็ขอให้เป็นการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นายกรัฐมนตรี ยังได้อวยพรนักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยที่จะแข่งขันกับทีมชาติเกาหลีใต้เพื่อคัดเลือกเข้าร่วมกีฬาโอลิมปิก 2016 ที่ประเทศบราซิล ว่า ให้พยายามมากกว่าเดิม ให้ทำตามกติกา หากผิดหรือถูกมีวิธีการดำเนินการร้องเรียนตามขั้นตอน ไม่ใช่การด่าในโซเชียลมีเดีย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การเข้าถึงโซเชียลในต่างประเทศไม่ง่ายเท่าประเทศไทย หากต้องการความปลอดภัยก็ต้องอยู่ในกรอบกฎหมายไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถอยู่ได้
ผู้สื่อข่าว:ปิยะธิดา เพชรดี