การประชุมชี้แจงพรรคการเมือง เรื่องร่างรัฐธรรมนูญ ประชามติ และประชาชน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึง ปัญหาของประเทศไทยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้เกิดจากความไม่รู้ และคิดว่าสิ่งที่ตัวเองรู้เป็นสิ่งที่ถูก แต่ที่จริงแล้วเป็นสิ่งที่ผิด การจัดเวทีในครั้งนี้ จะลดช่องว่างความเข้าใจที่อาจจะเห็นต่างให้ตรงกันมากขึ้น แม้ว่าการประชุมในครั้งนี้อาจจะไม่ได้คำตอบ เพราะมีคนเข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนมากก็ตาม ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้ปิดทาง ปิดหู หรือปิดปากประชาชน นายวิษณุ กล่าวว่า การจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เป็นสิทธิส่วนบุคคล โดยมาตรา 7 และมาตรา 61 ของพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบ เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนในส่วนของการตีความ เช่น การกล่าวเท็จ รุนแรง กร้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม และข่มขู่ ยืนยันว่า ไม่เคยพูดว่าการ ชี้นำหรือรณรงค์ผิด เนื่องจากไม่มีอยู่ในกฏหมาย แต่คำดังกล่าวเป็นภาษาพูดเพื่อขู่และปรามเท่านั้น โดยนายกรัฐมนตรีเคยระบุเอาไว้ว่า ควรจะมีการตั้งคณะกรรมการฝ่ายกฎหมายขึ้นมาเพื่อพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับการทำประชามติ เปรียบเสมือนรัฐบาลให้สำนักงานกฤษฎีกา พิจารณาในแง่กฏหมาย
ทั้งนี้ในวันนี้นายวิษณุ ได้นำข้อมูลของศาลทหารมาเปิดเผยด้วย โดยระบุว่า ตั้งแต่คสช. เข้ามาบริหารประเทศ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 มีคดีความที่ต้องขึ้นศาลทหารทั้งหมด 170 คดี เป็นคดีความมั่นคง ยุติแล้ว 100 คดี เหลืออีก 70 คดี ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา โดยยอมรับว่าขณะนี้ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในลักษณะการปกครองแบบประชาธิปไตยเต็มตัว และยอมรับว่าการเข้ามาบริหารงาน เกิดจากการยึดอำนาจ แต่การทำประชามติ จะเป็นทางออกของประเทศ เพื่อให้สถานการณ์ของประเทศเกิดความสงบในอนาคต ส่วนจะมีการผ่อนปรนในเรื่องการยกเลิกการปรับทัศนคติ รวมถึงการยกเลิกคำสั่งห้ามออกนอกประเทศของนักการเมืองหรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคสช.
ผู้สื่อข่าว: สมจิตร์ พูลสุข