*นายกฯประชุมอาเซียน-รัสเซีย/เล็งสอบทนายผตห.ระเบิดราชประสงค์/คลังรับคืนท่อก๊าซปตท.ครบแล้ว/กก.วอลเลย์ไทย-ญี่ปุ่นส่อเค้าหมดอนาคต*

ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.

+++ภารกิจการเยือนรัสเซียของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หารือกลุ่มเล็กกับ นายดมิทรี เมดเวเดฟ นายกรัฐมนตรีรัสเซีย และได้แถลงข่าวร่วมกัน 2 ฝ่ายเห็นพ้องที่จะเดินหน้าการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในหลากหลายกิจกรรม ขณะเดียวกัน ทั้ง 2 ฝ่ายมีความมุ่งมั่นที่จะขยายการค้าการลงทุนระหว่างกันให้เพิ่มมากขึ้น โดยตั้งเป้าจะผลักดันให้เพิ่มขึ้น 5 เท่า ภายใน 5 ปี และในการเดินทางเยือนรัสเซียของนายกรัฐมนตรีไทยครั้งนี้ ได้มีการลงนามเอกสารของบริษัทต่างๆ ถึง 11 บริษัท มีมูลค่าการลงทุนถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ไทยเป็นอันดับ 2 ของอาเซียนในการเข้ามาลงทุนในรัสเซีย นอกจากนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างกันให้มากขึ้น โดยบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จะเปิดเที่ยวบินตรงมายังกรุงมอสโกอีกครั้ง ในเดือนพฤศจิกายนนี้

+++นายกรัฐมนตรี ยังได้ขอบคุณรัสเซียที่เข้าใจไทย ไม่เคยเข้ามาแทรกแซงปัญหาภายในของไทย และให้กำลังใจมาโดยตลอด และย้ำว่ารัฐบาลนี้เข้ามาเพื่อปฏิรูป แม้จะไม่ได้มาด้วยวิถีทางประชาธิปไตย แต่ได้บริหารประเทศด้วยวิถีทางประชาธิปไตย แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่สะสม และยินดีที่จะให้รัสเซียเข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิรูปประเทศของไทย ซึ่งรัสเซียสามารถเสนอแนะได้ รัฐบาลอยากทำให้ได้ภายใน 2 ปีเพื่อนำเข้าสู่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และยุทธศาสตร์ชาติ รวมถึงต้องการให้รัสเซียเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเกี่ยวกับโรงงานอัตโนมัติและใช้หุ่นยนต์ เพื่อให้มีการส่งต่อนวัตกรรม รวมถึงเรื่องการท่องเที่ยว และเวลานี้รัฐบาลกำลังพัฒนาเศรษฐกิจที่สมดุล โดยใช้ประชารัฐเป็นเครื่องมือ เปลี่ยนโครงสร้างการผลิตสู่สิ่งที่มีมูลค่าเพิ่ม และการสร้างความเชื่อมโยงในทุกช่องทาง ส่วนวันนี้ จะเป็นการประชุมร่วมกันอาเซียน-รัสเซีย

+++หลังผู้ต้องหาคดีระเบิดราชประสงค์ เรียกร้องความเป็นธรรม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวว่า ประเด็นที่ร้องว่าถูกทำร้ายร่างกายไม่เป็นความจริง เขาก็สร้างเรื่องไป ส่วนจะเปลี่ยนสถานที่ควบคุมตัวผู้ต้องหานั้น เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ที่ต้องทำตามกฎหมาย และไปสั่งให้ทำอะไรไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของศาลดำเนินการ  ตนไม่ทราบไม่เกี่ยว

ด้าน นายวัส ติงสมิตร ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวถึงกรณีนายอาเดม คาราดัก หรือ บิลาน มูฮัมหมัด และ นายเมียไรลี ยูซุฟู 2 ผู้ต้องหาคดีวางระเบิดแยกราชประสงค์ ร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลทหารกรุงเทพ กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่ากรณีนี้เคยมีการร้องเรียนมายัง กสม. ให้ตรวจสอบหรือไม่ ซึ่งหากยังไม่มีการร้องเรียน คาดว่าภายในการประชุม กสม. ในวันที่ 23 พ.ค.นี้ อาจจะมีการนำเรื่องเข้าหารือในที่ประชุม ซึ่งอาจจะมีการพิจารณาให้มีการตรวจสอบหรือออกแถลงการณ์ต่อไป หากเห็นว่าเป็นเรื่องที่เร่งด่วน อย่างไรก็ตามการทำร้ายร่างกายผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีทั้งในชั้นศาล  ทั้งในศาลทหารหรือศาลพลเรือน นั้นไม่สามารถทำได้ และจะต้องมีการตรวจสอบต่อไป

+++รายงานแหล่งข่าวจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่า จากการสอบสวนทราบว่าก่อนที่นายอาเดมจะแสดงกิริยาดังกล่าว ได้มีการพบปะกับนายชูชาติ กันภัย ทนายผู้ต้องหา และนายอาเดม ได้ยอมรับกับคณะสอบสวนว่านายชูชาติเป็นผู้บอกให้ทำ เพื่อหวังจุดประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชน ส่วนจะสามารถเอาผิดนายชูชาติได้หรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ เพราะทำให้หน่วยงานเสียหาย ขณะนี้ คสช.กำลังติดตามพฤติกรรมของนายชูชาติว่า การกระทำดังกล่าวเชื่อมโยงการเมืองภายในประเทศหรือไม่ เพราะนายชูชาติ เคยเป็นทนายความให้กับกลุ่มการเมืองมาก่อน

++ประเด็นคืนท่อก๊าซ นายอำนวย ปรีมนวงศ์ รองปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ระบุว่า บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) คืนท่อก๊าซให้กระทรวงการคลังไม่ครบถ้วนและกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2550 และยังรายงานเท็จจนทำให้รัฐเกิดความเสียหาย โดย สตง.ระบุว่า เป็น 1 ใน 6 คน ที่ถูกกล่าวหาจึงเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ และผลจากการกระทำของ สตง.ได้ส่งผลเสียหายต่อชีวิตราชการยืนยันว่า  กระทรวงการคลังได้มอบหมายให้กรมธนารักษ์เป็นผู้ดำเนินการ และได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบและแบ่งแยกทรัพย์สินตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด โดยคณะกรรมการมีตัวแทนจาก ปตท.ในฐานะที่ได้รับแต่งตั้งจากกระทรวงพลังงานนั้น ได้ส่งผลการศึกษาและรายงานผลการตรวจสอบให้แก่ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาถึง 9 ครั้ง โดยครั้งสุดท้าย ปตท.ได้รายงานสรุปผลการดำเนินให้ศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2551 และศาลปกครองก็ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2551 

+++ดังนั้น ข้อกล่าวหาของ คตง.และ สตง.จึงไม่ ถูกต้อง กรณีที่ศาลปกครองฯใช้เวลาเพียง 1 วัน ก็มีคำพิพากษาศาลปกครองฯ มีการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองฯ อีกหลายครั้ง แต่ศาลปกครองฯมีคำสั่งไม่รับฟ้องและยืนยันท้ายคำฟ้องว่า ได้มีการแบ่งแยกและโอนทรัพย์สินตามคำพิพากษาเรียบร้อยแล้ว จนที่ประชุมตุลาการศาลปกครองฯมีมติยืนยันว่า การแบ่งแยกและโอนทรัพย์สินได้ดำเนินการตามคำพิพากษาเรียบร้อยแล้ว

+++ส่วนประเด็นเรื่องการเวนคืนที่ดินของกรมธนารักษ์นั้นพิจารณาจากการเวนคืนที่ดินของเอกชน ที่ราชพัสดุและบางส่วนเป็นที่เช่าของบริษัท ปตท.มูลค่า 16,000 ล้านบาท โดยไม่ได้นำที่ในทะเลมาพิจารณาด้วย ซึ่งประเด็นนี้ คตง. และ สตง.ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค.2557 จนถึงวันนี้ กฤษฎีกาก็ยังไม่ได้ตีความ ซึ่งหากกฤษฎีกาตีความให้ ปตท.จ่ายเงินเพิ่มเรื่องนี้ จะไปจบที่ใดตนก็ไม่ทราบ เพราะหากยึดตามหลักการที่วางไว้ ก็ต้องยึดคำพิพากษาของศาลปกครองเป็นหลัก

+++ส่วนเรื่องการละเว้นไม่ปฏิบัติตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 18 ส.ค.2550 ที่ต้องส่งให้ สตง.ตรวจสอบและรับรองความถูกต้องนั้น คณะกรรมการฯได้ส่งให้ สตง.ตรวจสอบแล้ว ซึ่งโดยหลักการแล้ว สตง. มีหน้าที่ในการตรวจสอบ และรับรองความถูกต้องย้อนหลังตามธรรมเนียมปฏิบัติ และที่ผ่านมา ผลการตรวจสอบและรับรองงบการเงินประจำปีของบริษัท ปตท. โดย สตง.ก็รับรองแบบไม่มีเงื่อนไขมาโดยตลอด หากเป็นเช่นนี้ ก็เท่ากับว่า สตง.ให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ

+++นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังจากเศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 3.2 ในช่วงไตรมาสแรกปี 59 เมื่อหลายปัจจัยเริ่มมีแนวโน้มเป็นทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะแผนการลงทุนภาครัฐผ่านมาตรการต่างๆ ซึ่งค้างท่ออยู่ในปีก่อน เช่น งบลงทุนตำบลละ 5 ล้านบาท เงินช่วยเหลือฐานราก จะมีการเบิกจ่ายในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ปีนี้ เป็นเงินออกสู่ระบบ 1.5 แสนล้านบาท อย่างแน่นอน ดังนั้น แนวโน้มเศรษฐกิจจากนี้ไปเป็นทิศทางขาขึ้น ประเมินว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ จีดีพี ไตรมาส 2 ขยายตัวมากกว่าร้อยละ 3 ส่วนไตรมาส 3 ขยายตัวร้อยละ 4 จากนั้นน่าจะขยายตัวต่อเนื่อง โดยรวมคาดว่าทั้งปี จีดีพีขยายตัวมากกว่าร้อยละ 3

+++ การลงทุนของนักลงทุนเอกชนโดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ตามเส้นทางรถไฟฟ้า ขยายตัวถึงร้อยละ 7 จากเดิมเคยติดลบ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐเกือบแสนล้านบาท ผลการจัดเก็บรายได้ในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 59 จัดเก็บได้ 1.247 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 6 และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 8.7 ขณะที่การใช้จ่ายในประเทศผ่านภาษีมูลค่าเพิ่ม ขยายตัวร้อยละ 4.2 นับว่าเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจไตรมาส 2 เริ่มทิศทางดีขึ้น

++กรณี ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีประกาศปรับเปลี่ยนบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตจากแถบแม่เหล็กเป็นชิปการ์ดเพื่อเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัย โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.59 แต่ขณะนี้ ยังได้รับร้องเรียนจากลูกค้าที่ต้องการเปลี่ยนบัตรด้วยว่า มีสาขาธนาคารหลายแห่งแจ้งว่าบัตรเอทีเอ็มหมดไม่สามารถเปลี่ยนได้ เหลือให้ปลี่ยนเฉพาะบัตรเดบิตเอทีเอ็มเท่านั้น แต่หากลูกค้าต้องการทำบัตรเอทีเอ็มอย่างเดียวจริงก็ต้องรอมาทำวันอื่นซึ่งไม่สามารถระบุได้ว่าวันไหน ส่งผลให้ลูกค้าโดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัด ซึ่งเดินทางมาไกลได้รับความเดือดร้อน รวมถึงลูกค้าจำนวนไม่น้อย ต้องการทำแค่บัตรเอทีเอ็มอย่างเดียวเพื่อใช้เฉพาะกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม เพราะหากจะรูดหรือซื้อสินค้าทางออนไลน์ ก็เลือกใช้บัตรเครดิตแทน รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทยได้ระบุข้อมูลค่าธรรมเนียมบริการบัตรประเภทต่างๆว่า โดยธนาคารกรุงไทย บัตรเอทีเอ็ม และบัตรเดบิตมีค่าธรรมเนียมแรกเข้าเท่ากันที่ 100 บาท แต่ค่าธรรมเนียมรายปีบัตรเดบิตอยู่ที่ 200 บาท สูงกว่าเอทีเอ็มที่ 180 บาท

++++หลังจากหลังเกมการแข่งขันวอลเลย์บอลสาวไทยพ่ายให้ทีมญี่ปุ่น 3-2 เซ็ต ร.ท.จักรสุวรรณ โตเจริญ เลขาธิการสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่ชอบมาพากลหลาย ๆ อย่าง ซึ่งเรื่องนี้ได้พูดคุยกับ โค้ชอ๊อด หรือ นายเกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร หัวหน้าผู้ฝึกสอนจนเป็นที่เข้าใจแล้วว่า ให้เรียกขวัญกำลังใจของนักกีฬากลับมาเร็วที่สุด สำหรับความคาใจในประเด็นต่าง ๆ ทางสมาคมฯไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ก็ต้องให้ทางญี่ปุ่นชี้แจงข้อเท็จจริงมาก่อน ก็ต้องคอยติดตามดูกันต่อไป

+++ในส่วนของคำตัดสินให้ใบแดงโค้ชอ๊อต จากผู้ตัดสินคือ "หลุยส์ เคราร์โด้ มาซีอัส" ชาวเม็กซิโก เพราะเข้าใจว่าเป็นการถ่วงเวลานั้น ตรงนี้อยากให้ทางสหพันธ์ผู้ตัดสินวอลเลย์บอลฯ ชี้แจงด้วยเช่นกัน เพราะเป็นใบแดงที่ไม่ควรจะให้ สำหรับผู้ตัดสินรายนี้ถูกงัดเอามาปัดฝุ่นในรอบแรก ๆ แต่หากตัดสินเช่นนี้แล้วยังได้เข้าไปตัดสินรอบต่อ ๆ ไปในกีฬาโอลิมปิก อนาคตก็คงน่าเป็นห่วง ทั้งนี้หลังเกมการแข่งขันของเรากับญี่ปุ่นจบลง มีหลายฝ่ายในสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติได้ให้ความสนใจ และเห็นแย้งกับคำตัดสิน รวมทั้งระบบการเปลี่ยนตัวใหม่ของญี่ปุ่น ซึ่งมีผลกระทบต่อทีมที่เข้าแข่งขันเวลาที่เปลี่ยนตัวไม่ได้ ก็อยากให้รอดูกันต่อไปว่าจะมีท่าทีที่ชัดเจนอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง

+++วันนี้ ทีมฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ จะแห่ถ้วยฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลล่าสุด กับคนไทยอย่างยิ่งใหญ่ ในช่วงเย็นวันนี้ (19 พ.ค.) โดยขบวนพาเหรดฉลองแชมป์จะเริ่มต้นขึ้นในเวลา 16.30 น. ออกสตาร์ทจาก คิง เพาเวอร์ ถนนรางน้ำ ไปตามถนนพญาไท ผ่านศูนย์การค้าพารากอน สยามเซ็นเตอร์ ก่อนเลี้ยวเข้าถนนพระราม 1  ตรงมายังแยกราชประสงค์ เลี้ยวผ่านเซ็นทรัลเวิลด์ ผ่านแยกประตูน้ำ ตรงไปตามถนนราชปรารถ ก่อนเลี้ยวเข้าเส้นราชวิถี ผ่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และวนกลับมาที่ซอยรางน้ำ รวมระยะทางแล้วกว่า 6 กม. ใช้ระยะเวลาแห่ประมาณ 1 ชม.

+++ด้านนายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ แชมป์พรีเมียร์ลีก เปิดเผยว่า ใช้หลักบริหารจัดการแบบครอบครัวกับทีมจิ้งจอก และมีวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาเสริม ทำให้เป็นจุดแข็งของทีมและประสบความสำเร็จ และอยากใช้ศักยภาพที่มีอยู่สนับสนุนแข้งไทยไปบอลโลก ส่วนตัวอยากสนับสนุนฟุตบอลทีมชาติไทย ด้วยการวางรากฐานตั้งแต่ระดับเยาวชน อย่างโครงการเลสเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล อะคาเดมี ที่คัดเด็กไทยไปร่วมฝึกซ้อมปีละ 10 คน เมื่อครบ 10 ปี และรวมกับโครงการแรกจะมีนักเตะไทยให้เลือกใช้งานได้ถึง 116 คน ซึ่งเราจะใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาช่วยอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ผมเชื่อมั่นและหวังว่าไทยจะไปฟุตบอลโลกได้ภายใน 10 ปี

+++ความคืบหน้าความมุ่งมั่นที่จะพิชิตเอเวอร์เรสต์ ล่าสุด ในเฟซบุ๊กของทีม ThaiEveres 2016 ได้รายงานล่าสุดเมื่อคืนวานนี้ ว่า  ทีมพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ วันนี้ ได้เดินทางถึง Camp4 South Col / 8000m เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ทีมเหลือเพียงหนึ่ง คือหมออีม ทันตแพทย์หญิง นภัสพร ชำนาญสิทธิ์ ส่วนป๋าคมรัฐ นายคมรัฐ พิชิตเดช  ขอถอนตัวหลังจาก Camp3 เนื่องจากสภาพร่างกายรับภาระหนักติดต่อกันมานานจนเริ่มอ่อนล้ามาก  ล่าสุด ได้รายงานสถานการณ์เพิ่มเติมว่า ขณะนี้ใกล้เวลาเข้ามาทุกที สภาพอากาศเป็นใจ หมออีมพร้อมทั้งเชอร์ปาอีก2คน ประจำการพร้อมซัพพอร์ทเรามีเชือกสำรองพร้อมรออยู่ที่ Hillary Step หมออีมของเราปีนขึ้นด้วยอ็อกซิเจนติดตัว1ถัง สภาพร่างกายและจิตใจยังคงสดและดูดี หมออีมเดินด้วย speed ที่ดีและไวกว่านักปีนเขาท่านอื่น นับเป็นสัญญาณที่ดี

+++ช่วงเช้ากระทรวงพาณิชย์ จะประกาศรายชื่อเอกชนที่ผ่านคุณสมบัติเข้าร่วมประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาล 1.2 ล้านตัน จากเอกชนที่ยื่นเข้าร่วม 51 ราย และช่วงบ่ายจะเปิดให้เอกชน ยื่นเสนอราคาซื้อ ซึ่งคาดจะเสนอซื้อในราคาดี แต่ไม่สูงกว่าราคาตลาด เพราะเป็น ข้าวเก่า

+++ส่วนนายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) คนใหม่  แถลงนโยบายและทิศทางการขับเคลื่อน ธอส.ครั้งแรก หลังรับตำแหน่ง

+++กลุ่มนปช.จัดงานรำลึกเหตุการณ์ครบรอบ 6 ปี การสังหาร 6 ศพ ที่วัดปทุมวนาราม เริ่ม 10.00 น. และจากนั้น 16.00 น. จะมีการจัดงานอีกที