หลังจากที่นายเมียไรลี ยูซุฟู และนายอาเดม คาราดัก 2 ผู้ต้องหาคดีระเบิดแยกราชประสงค์ ระบุว่า ถูกซ้อมและถูกทรมานขณะถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำ รวมทั้งระบุว่าเจ้าหน้าที่ควบคุมไม่ให้รับประทานอาหารฮาลาล กรมราชทัณฑ์ แถลงชี้แจงโดยนายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รักษาการแทนอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่า การควบคุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายในคดีนี้เป็นไปตามหลักสากลไม่ว่าจะเป็นสภาพความเป็นอยู่การจัดหาอาหารการรักษาพยาบาลตลอดจนเปิดโอกาสให้ได้พบทนายความเพื่อปรึกษาคดีอย่างสม่ำเสมอ เมื่อช่วงเช้านี้ กรมราชทัณฑ์ มอบหมายให้นพ. วีระกิตต์ หาญปริพรรณ์ ผู้อำนวยการทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เข้าไปตรวจร่างกาย ไม่ปรากฎว่ามีร่องรอยการถูกทำร้าย จากบุคคลอื่นตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า มีการถ่ายภาพมายืนยันหรือไม่ นายกอบเกียรติ ระบุว่า ไม่ได้ถ่ายภาพมา แต่ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง เนื่องจากแพทย์ผู้ตรวจเป็นถึงผู้อำนวยการทัณฑสถานฯ หากรายงานข้อมูลเท็จมา จะต้องถูกเพิกถอนใบประกาศวิชาชีพ สำหรับการคุมขังผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้อยู่ที่เรือนชั่วคราว แขวงนครไชยศรี มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ. 11) เนื่องจากผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนี้ ก่อคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคง และมีความร้ายแรง สร้างความเสียหายกับสาธารณะชน มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก กรมราชทัณฑ์ จึงได้ยืมพื้นที่อาคารของหน่วยทหาร มาประกาศเป็นเรือนจำชั่วคราวเท่านั้น แต่การบริหารงานและการควบคุมผู้ต้องขัง ดำเนินการภายใต้การบริหารงานของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ขณะนี้จะยังไม่ย้ายผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 รายจะไม่ได้รับความปลอดภัย เพราะการอยู่รวมกับผู้ต้องหาอื่นจะดูแลควบคุมได้ยาก อาจจะถูกนักโทษคนอื่นทำร้ายร่างกายได้ กรมราชทัณฑ์จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ขณะนี้เรือนจำชั่วคราวแขวงนครไชยศรี มีผู้ต้องหาที่ถูกคุมขังทั้งหมด 5 ราย 2 รายคือ คดีระเบิดแยกราชประสงค์ ส่วนอีก 3 รายเป็นคดีความมั่นคง
ส่วนการจัดหาอาหารให้ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้จัดเตรียมอาหารดิบ เพื่อนำไปปรุงที่เรือนจำชั่วคราวฯ ตามหลักศาสนาอิสลาม นอกจากนี้ยังได้จัดอาหารเพิ่มเติม โดยซื้ออาหารสำเร็จ จากร้านอาหารที่มีเครื่องหมายฮาลาล ให้ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย รับประทานเป็นประจำ
ทั้งนี้ นายกอบเกียรติ ตั้งข้อสังเกตว่าภายหลังจากที่นายอาเดม กลับมาจากศาลเมื่อวานนี้ ได้กล่าวขอโทษต่อหัวหน้าผู้ควบคุมเรือนจำชั่วคราวในเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมกับเข้ามากอด แล้วก็กล่าวว่า ขอโทษในเรื่องที่เกิดขึ้น ต่อไปจะปฏิบัติตนให้อยู่ในระเบียบวินัยของเรือนจำ ซึ่งพอจะทราบได้ว่า การแสดงออกดังกล่าวเป็นเพียง การเรียกร้องความสนใจจากสื่อมวลชน ซึ่งอาจจะส่งผลไปถึงองค์กรสิทธิมนุษยชนให้มาสนใจ และนอกจากนี้ เรือนจำได้เคยรายงานให้กับกรมราชทัณฑ์ทราบว่า นายอาเดม มีพฤติกรรมในการเรียกร้องความสนใจ เช่น การไม่รับประทานอาหาร และพยายามทำร้ายร่างกายตัวเอง ด้วยการต่อยกำแพงห้องขังอยู่หลายครั้ง
ผู้สื่อข่าว:สมจิตร์ พูลสุข