หลังศาลอนุมัติหมายจับ พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในข้อหาสมคบกันฟอกเงินและรับของโจร วันนี้นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์ วัดพระธรรมกาย กล่าวว่าการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ยื่นคำร้องขอศาลอาญารัชดา ออกหมายจับ พระธัมมชโยเป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรม เนื่องจากดีเอสไอเคยเข้ามาสอบปากคำเกี่ยวกับที่มาของเช็คทั้ง 878 ฉบับกับพระธัมมชโยแล้ว และได้ส่งสำนวนการสอบสวนทั้งหมดไปยังอัยการ ซึ่งอัยการพิจารณสั่งไม่ฟ้อง แต่กลับมีการตั้งคดีขึ้นมาใหม่ในเรื่องเดิม พร้อมตั้งข้อหาใหม่ ในฐานสมคบกันฟอกเงินและรับของโจร จึงเป็นการดำเนินคดีซ้ำซ้อน และขัดกับหลักกฎหมายที่ว่า กรรมเดียวจะดำเนินคดีซ้ำซ้อนไม่ได้ นอกจากนั้น ดีเอสไอยังไม่มีการนำแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นกลางเข้ามาตรวจอาการพระธัมมชโยที่วัดก่อนแต่กลับมาการขออำนาจศาลออกหมายจับเลย จึงอยากถามดีเอสไอว่าทำไมก่อนหน้านี้มีการเชิญมาแจ้งข้อกล่าวหาที่วัดกลับไม่มา แต่เมื่อศาลอนุมัติหมายจับกลับรีบดำเนินการอย่างเร่งด่วนที่สุด ซึ่งเอกสารเวชระเบียนที่ได้ยื่นให้กับดีเอสไอนั้นออกโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหิตวิทยาจาก รพ.ค่ายภานุรังสี จ.ราชบุรี และ สหคลีนิครัตนเวช ซึ่งล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญและอาจารย์แพทย์ทั้งสิ้น จึงขอฝากให้ดีเอสไอออกมาแถลงต่อสังคมด้วย
โฆษกคณะศิษยานุศิษญ์ วัดพระธรรมกาย กล่าวว่า จากนี้ จะเรียกร้องของความเป็นธรรม จาก ศูนย์ดำรงธรรม และจะแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่และทุกคนที่เกี่ยวข้อง และผู้ที่โพส์ข้อความอันเป็นเท็จออกสู่สาธารณชน ส่วนหลังดีเอสไอ ออกหมายจับหลวงพ่อยังไม่ได้คุยกับทีมกฎหมายของวัดว่า จะทำอย่างไรต่อไปหลังถูกออกหมายจับ โดยจะเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ กับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช. เพื่อให้ดำเนินการกับพันตำรวจโทปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งหลังจากนี้ หากไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินคดีที่ได้ร้องไปกับทาง ปปช. จะมีการยกระดับให้ศิษยานุศิษย์ทั่วประเทศ ยื่นกล่าวโทษกับ ปปช.ในแต่ละจังหวัดด้วย