ศาลทหารกรุงเทพ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ทหาร ได้นำตัว นายอาเดม คาราดัก จำเลยที่ 1 และนายไมไรลี ยูซุฟู จำเลยที่ 2 ผู้ต้องหาในคดีลอบวางระเบิด บริเวณแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร มาจากเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครชัยศรี มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) มายังศาลทหารกรุงเทพ เนื่องจากคณะตุลาการศาลทหารฯ ได้นัดตรวจพยานหลักฐานเป็นนัดที่ 5 อย่างไรก็ตาม ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังนำตัว นายอาเดมได้แสดงอาการหวาดวิตก มีสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมแสดงพฤติกรรมขัดขืน การนำตัวมาภายในศาลทหารฯ จนต้องให้เจ้าหน้าที่มาช่วยจับประคองตัวผู้ต้องหา เข้ามาส่งภายในห้องพิจารณาคดี
รายงานข่าว แจ้งว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าในวันนี้ (17 พ.ค.) นายอาเดมได้มีปฎิกิริยาขัดขืนเจ้าหน้าที่ ทั้งที่ออกมาจากเรือนจำชั่วคราว ก็เดินมาด้วยท่าทางปกติ แต่เมื่อเห็นสื่อมวลชนต่างประเทศ และกลุ่มที่มาให้กำลังใจก็แสดงท่าทีขัดขืนไม่ยอมลงจากรถควบคุมผู้ต้องหา จนเจ้าหน้าที่ต้องไปนำตัวลงมาจากรถ ก่อนที่จะเข้าไปยังศาลทหารฯ ท่าทีของนายอาเดมจึงเปลี่ยนไปเป็นปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ขณะที่ผู้ต้องหาลงจากรถของเรือนจำ นายอาเด็ม คาราดัก ได้ดิ้นรนและตะโกนขึ้นว่า "ผมไม่ใช่สัตว์ ผมเป็นคน ผมเป็นคน" และเมื่ออยู่ต่อหน้าศาล นายอาเด็มซึ่งมีน้ำตาคลอเบ้า ได้เลิกเสื้อขึ้นให้ศาลดูรอยช้ำตามตัว และกล่าวผ่านล่ามว่า เฉพาะในเดือนนี้เขาถูกซ้อมทรมานถึงสองครั้งในเรือนจำ ด้านนายเมียไรลีได้กล่าวขอความช่วยเหลือก่อนขึ้นศาลว่า "พวกเราบริสุทธิ์ ช่วยเราด้วย สิทธิมนุษยชนอยู่ที่ไหน ด้านนายชูชาติ กันภัย ทนายความของนายอาเด็ม คาราดัก กล่าวว่า ศาลรับที่จะสอบสวนกรณีที่นายอาเด็มถูกซ้อม และจะพิจารณาเรื่องการย้ายเรือนจำ และว่าจะมีการเรียกพยานกว่า 250 รายมาให้การต่อศาล โดยหวังว่าการพิจารณาคดีจะสิ้นสุดลงภายในปีนี้ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจยืดเยื้อออกไปอีก
(ภาพจากสำนักข่าวรอยเตอร์)