ตร.แนะ ญาติผู้เสียชีวิตเป็นโจทก์ร่วม หากพนักงานสอบสวนไม่ตั้งข้อกล่าวหาตามที่ร้องขอ

ภายหลังจากที่นายอนันตไชย ไชยเดช ทนายความของผู้เสียชีวิตจากการที่ถูกกลุ่มวัยรุ่น 6 คนรุมทำร้ายจนเสียชีวิต ในพื้นที่ สน.โชคชัย เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมาได้ยื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พิจารณาเพิ่มข้อกล่าวหาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน กับวัยรุ่นทั้ง 6 คน พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องนี้ไว้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง ก่อนส่งให้ต้นสังกัดพิจารณาต่อไป แต่จะไม่ก้าวล่วงการทำงานของพนักงานสอบสวน โดยกรณีนี้พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร  รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ชี้แจงไปบ้างแล้วเมื่อวานนี้ ซึ่งการแจ้งข้อหาต่าง ๆ ต้องดูตามพยานหลักฐาน แต่หากพนักงานสอบสวน ไม่แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามที่ญาติเรียกร้อง ญาติก็สามารถยื่นเป็นโจทก์ร่วมในคดีได้ 

ทั้งนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำชับว่าจะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย  และแม้ว่าผู้ต้องหาจะเป็นลูกหลานตำรวจ จะไม่มีการช่วยเหลือแน่นอน

 นอกจากนี้ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ กล่าวอีกว่า ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จะมีโทษตั้งแต่จำคุก 15-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต ฯลฯ ซึ่งต่างจากข้อหาร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ที่มีโทษแรงกว่า คือ โทษประหารชีวิตเพียงอย่างเดียว เนื่องจากเป็นเหตุอุกฉกรรจ์ มีการวางแผน ทบทวนไว้ก่อนแล้วว่าจะต้องมีการฆ่า ซึ่งทางพนักงานอัยการ ทนายความ จะเป็นผู้ตีความต่อไป

 

...

 

ผสข.สมจิตร์ พูลสุข