*ป.ป.ช.ตั้งอนุฯไต่สวนรองผู้ว่าฯจุมพลไฟประดับกทม./อดีตส.ส.พท.ยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ/สศช.แถลงศก.ไทยไตรมาสแรก16พ.ค.*

13 พฤษภาคม 2559, 18:26น.


+++คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)  มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงโครงการค่าใช้จ่ายการประดับไฟตกแต่งส่งเสริมการท่องเที่ยว 39 ล้านบาทของกรุงเทพมหานคร(กทม.) กับนายจุมพล สำเภาพล รองผู้ว่าฯ กทม. ที่เป็นผู้เซ็นอนุมัติโครงการและบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมจำนวน 14 ราย ใน 3 ประเด็น เรื่องการใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายทั่วไปกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 40 ล้านบาทที่ไม่ได้พิจารณาความจำเป็นอย่างเร่งด่วน เรื่องการกำหนดรายละเอียดขอบเขตงานและประมาณการค่าใช้จ่าย ซึ่งดำเนินการก่อนแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดรายละเอียดของเขตงานและประมาณราคาค่าใช้จ่าย และเมื่อแต่งตั้งแล้วคณะกรรมการไม่ได้ดำเนินการตามแผนงานที่กทม.กำหนดไว้  และเรื่องการสมยอมราคา ป.ป.ช.ยังไม่ได้ตั้งคณะอนุกรรมาธิการสอบสวนม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.เนื่องจากเพิ่งได้รับหนังสือจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จึงยังไม่ได้นำข้อมูลเข้าสู่การพิจารณาของป.ป.ช.



+++นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช.ในฐานะโฆษกสำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่าที่ประชุมมีมติว่า นายเกษม นิมมลรัตน์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ (อบจ. เชียงใหม่)  และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน รวมถึง เอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกป้องข้อเท็จจริง ทั้งในส่วนของการแสดงเงินกู้ยืมของคู่สมรส ที่กู้ยืมจากมารดาของนายเกษม จำนวน 72 ล้านบาท และปกปิดเงินได้จากการขายหุ้นบริษัท วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน) ในตลาดหลักทรัพย์มูลค่ากว่า 26 ล้านบาท และปกปิดเงินลงทุนในบริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) มูลค่า 74 ล้านบาท ของคู่สมรส ที่ให้มารดาของนายเกษมถือครองแทน  จึงมีมติเสนอเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย เพื่อขอให้นายเกษมพ้นจากตำแหน่งรองนายกอบจ. เชียงใหม่ และห้ามมิให้นายเกษมดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำวินิจฉัย รวมถึงขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ด้วย นอกจากนั้น ยังพิจารณารายงานผลการตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สินของนายเกษม ในตำแหน่งตำแหน่งที่ปรึกษานายก อบจ. เชียงใหม่ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และมีมติว่า มีทรัพย์เพิ่มขึ้นผิดปกติ ตามมาตรา 38 วรรค 2 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 รวมมูลค่ากว่า 186 ล้านบาท



+++เรื่องยาเสพติด นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ครั้งที่ 1/2559 พร้อมด้วยคณะกรรมการ ป.ป.ส. พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ นอกจากการติดตามผลการดำเนินงานด้านยาเสพติดแล้ว ยังมีเรื่องการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายยุทธศาสตร์ และแผนการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดระดับชาติระยะ 20 ปี พ.ศ. 2560 – 2579



+++ด้านนายณรงค์ รัตนานุกูล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า หนึ่งในเรื่องสำคัญของการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ส. ครั้งนี้ คือการเตรียมความพร้อมรองรับการบังคับใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และจะมีการเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก่อนจะมีการประกาศใช้อย่างเป็นทางการ นอกจากนี้  ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเงินสินบนเงินรางวัล 3 ชุด ด้วย



+++องค์คณะผู้พิพากษาคดีรับจำนำข้าว ได้ไต่สวนพยานโจทก์นัดที่ 8 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท อัยการโจทก์ นำนายจิรชัย มูลทองโร่ย รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ไต่สวนเป็นพยานปากที่ 2 สรุปว่า ที่ประชุมคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงจากความรับผิดโครงการจำนำข้าว ซึ่งพยานเป็นประธานได้สรุปความเห็นแล้วว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความผิดละเมิด ต้องรับผิดชอบชดใช้จำนวน 286,639 ล้านบาทเศษ ศาลนัดไต่สวนนายจิรชัย อีกครั้งในวันที่ 24 มิ.ย. เวลา 09.30 น.ขณะที่ศาลนัดไต่สวนพยานโจทก์อีก 2 ปากซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ในวันที่ 18 พ.ค.นี้ เวลา 09.30 น. 

+++กรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ออกหมายเรียกพระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ครั้งที่ 3  ให้มาพบพนักงานสอบสวนในวันจันทร์ที่ 16 พ.ค.นี้ นายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความของพระธัมมชโย  เปิดเผยว่า พระธัมมชโย อาพาธอยู่และยังไม่ทราบเรื่องว่าจะต้องมาพบดีเอสไอ แต่ส่วนจะขอเลื่อนเข้าพบอีกหรือไม่ ทนายยังไม่เปิดเผย บอกเพียงสั้นๆว่า ก็ไม่ได้มีการหลบหนี แต่อาพาธอยู่จริงๆ



+++การเยียวยาผู้ประกันตน 40,027 คน หลังกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) สั่งปิดโรงพยาบาลเดชา เนื่องจากไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน นายโกวิท สัจจวิเศษ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม(สปส.) เปิดเผยว่า มีโรงพยาบาลรัฐ 3 แห่งที่ตอบรับโอนย้ายผู้ประกันตนจากโรงพยาบาลเดชา คือ โรงพยาบาลตำรวจรับโอนย้าย 10,000 คน ส่วนที่เหลืออีกกว่า 30,000 คน จะเฉลี่ยโอนไปยังโรงพยาบาลเลิดสินและโรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งสปส.จะเร่งออกบัตรรองรับสิทธิ และให้ผู้ประกันตนสามารถใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.นี้ ผู้ประกันตนสามารถตรวจสอบเว็บไซต์ของสปส. www.sso.go.th หรือสายด่วน 1506 รวมทั้งจะแจ้งไปยังสถานประกอบการด้วย และระหว่างวันที่ 12-15 พ.ค.นี้ ผู้ประกันตนที่มีบัตรรับรองสิทธิโรงพยาบาลเดชา สามารถเข้ารับการรักษาได้ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ หรือหากเข้ารักษาที่โรงพยาบาลรัฐแห่งอื่นๆ ก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่หากเข้ารักษาโรงพยาบาลเอกชน สปส.จะจ่ายค่ารักษาตามเกณฑ์ที่กำหนด



+++นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน(กสร.) กล่าวว่า กสร.มีแนวทางช่วยเหลือลูกจ้างของโรงพยาบาลเดชา 206 คน ให้ได้รับค่าจ้าง ขอให้นำหลักฐานการค้างจ่ายค่าจ้างมาชี้แจง สัปดาห์หน้าจะออกหนังสือคำสั่งให้นายจ้างจ่ายค่าจ้าง หากไม่ปฏิบัติตามภายใน 30 วัน กสร.จะแจ้งความดำเนินคดีและฟ้องร้องต่อศาล  กสร.จะสามารถนำเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง มาช่วยเหลือลูกจ้างของโรงพยาบาลเดชาได้ แต่ช่วยเหลือรายละไม่เกิน 18,000 บาท

+++การจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยถนนสีลม นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า หลังจากที่กทม.จัดระเบียบผู้ค้าหาบเร่แผงลอย เพื่อคืนทางเท้าให้ประชาชนบริเวณถนนสีลม ด้วยการยกเลิกแผงค้าของผู้ค้าในเวลากลางวัน และให้ผู้ค้าสามารถตั้งวางแผงค้าขายได้ในเวลากลางคืน ตั้งแต่เวลา 19.00น.เป็นต้นไป มีจำนวนผู้ค้าช่วงกลางคืนที่ตั้งวางแผงค้าในขณะนี้จำนวนกว่า 600 ราย จากการจัดระเบียบในพื้นที่ดังกล่าว ด้วยการผ่อนผันให้ขายได้เฉพาะกลางคืนกทม.ยังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่ไม่ได้รับความสะดวกในชีวิตประจำวัน  กทม.จึงมีมติยกเลิกการค้าในบริเวณถนนสีลมทั้งหมด ตั้งแต่วันที่1 มิ.ย.2559 เป็นต้นไป กทม.ได้หาพื้นที่รองรับผู้ค้าดังกล่าวในพื้นที่โดยรอบเขตบางรักไว้หลายจุด เช่น เขตยานนาวา เขตสาทร สาธุประดิษฐ์ รวมทั้งบริเวณถนนพัฒน์พงษ์ซึ่งมีแผงค้ากว่า 90 แผงรองรับผู้ค้าแล้ว จุดดังกล่าวถือเป็นต้นแบบการจัดระเบียบ หากจุดอื่นๆในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่กทม.ดำเนินการจัดระเบียบไปแล้ว แต่ผู้ค้าไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ก็จะดำเนินการยกเลิกแผงค้าในจุดนั้นๆต่อไปด้วย



+++ผลตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอจากกระดูกทั้ง 9 กองในคดีเผานั่งยางพื้นที่ ป่าสงวนแห่งชาติป่ากุดจับ จังหวัดอุดรธานี พลตำรวจตรีนายแพทย์พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า ผลการตรวจเสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว แต่จากการนำไปเปรียบเทียบกับญาติผู้สูญหายจำนวน28 ราย พบว่าดีเอ็นเอ ยังไม่ตรงกัน รวมทั้งกรณีของนางบังอร ทองอ่อน  นางกุหลาบ อินทร์ศรี ด้วย แต่ผลการสกัดดีเอ็นเอ สามารถระบุเพศได้แล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด มีการส่งผลตรวจ ไปยังผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานีแล้ว เพื่อเร่งติดตามขยายผลในทางคดีต่อไป 



+++การลงทุนในตลาดหุ้นไทย ปิดตลาดที่ 1,394.69 จุด ลดลง 4.62 จุด  ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 50,233.54 ล้านบาท ดัชนีเคลื่อนไหวไร้ทิศทางและไม่สามารถผ่านพ้น 1,400 จุดไปได้ เพราะราคาน้ำมันดิบโลกผันผวนสูง ทำให้หุ้นพลังงานมีแรงซื้อสลับขายเหวี่ยงตลาดอย่างชัดเจน ขณะเดียวกันนักลงทุนบางส่วนเริ่มทยอยเทขายทำกำไรหลังการประกาศผลประกอบการไตรมาสแรก และรอจับตาตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ไตรมาสแรกของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในวันจันทร์หน้า



+++การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ดัชนีนิเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ร่วงลง 234.13 จุด ปิดที่ 16,412.21 จุด  เนื่องจาก การแข็งค่าของเงินเยนได้ฉุดหุ้นกลุ่มส่งออกร่วงลง นอกจากนี้ นักลงทุน ยังได้เทขายทำกำไร หลังจากดัชนีนิกเกอิ ทะยานขึ้นในช่วง 4 วันทำการ

+++ดัชนีตลาดฮั่งเส่ง ฮ่องกง ปรับตัวลง 196.17 จุด ปิดที่ 19,719.29 จุด ก่อนที่จะมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯในวันนี้ และข้อมูลเศรษฐกิจจีนในวันพรุ่งนี้



 

ข่าวทั้งหมด

X