*กสม.หนุนรัฐบาลเลิกทำเหมืองแร่/รมว.ยธ.ย้ำ รับคนหมิ่นเบื้องสูงไม่ได้/กนง.คงดบ./ระเบิดอิรักตาย64*

11 พฤษภาคม 2559, 19:52น.


สรุปข่าว19.35น.



+++นายวัส ติงสมิตร ประธาน กสม. กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติสั่งปิดเหมืองทองคำชาตรี จ.พิจิตร โดยอนุญาตให้ประกอบกิจการถึงสิ้นปี 2559 นั้นว่า นับว่าเป็นเรื่องที่เหนือคาด แต่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่รัฐบาลได้ตระหนักและเห็นความสำคัญกับชีวิตของมนุษย์ ซึ่งเรื่องดังกล่าว กสม.เคยได้ให้ความเห็นไว้ในเวทีของกรมทรัพยากรธรณี โดยใช้ข้อมูลจากการตรวจสอบของสำนักงาน และจากการเสนอแนะ ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ โดยเชื่อว่าข้อมูลนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลตัดสินใจไม่ต่อสัมปทานกับบริษัทเอกชน และเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่รัฐบาลเห็นความสำคัญกับในเรื่องสิทธิความเป็นอยู่ และชีวิตของมนุษย์เป็นสำคัญ



++++นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงกรณีที่นายอาทิตย์ วุฒิคะโร ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งว่า เรื่องดังกล่าวเป็นความจริง โดยนายอาทิตย์ได้ยื่นหนังสือลาออกเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (10 พ.ค. 59) ซึ่งได้เซ็นต์อนุมัติแล้ว มีผล 7 มิ.ย. นี้ โดยสาเหตุของการลาออกในครั้งนี้ เนื่องจากมีความจำเป็นที่จะต้องดูแลครอบครัว ประกอบกับมีปัญหาสุขภาพ ยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างรัฐมนตรีและปลัดฯแต่อย่างใด รวมถึงไม่เกี่ยวข้องกับกรณีการปิดเหมืองทองคำ และไม่เกี่ยวกับการทำงานภายในกระทรวงอย่างแน่นอน



+++หลังสื่อต่างประเทศบางสำนักได้รายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประณามประเทศไทย กรณีการจับกุมผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ นั้น กระทรวงการต่างประเทศได้ตรวจสอบกับฝ่ายสหรัฐฯ แล้ว ขอชี้แจง ดังนี้  กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มิได้ออกแถลงการณ์ใด ๆ ในประเด็นดังกล่าว ข้อความที่สื่อบางสำนักรายงานเป็นเพียงการตอบคำถามโดยเจ้าหน้าที่เวรข่าวของกรมเอเชียตะวันออกของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มิใช่การตอบคำถามโดยโฆษกระดับกรมอย่างที่มีการรายงาน อีกทั้ง มิได้ใช้ถ้อยคำว่า “ประณาม” (condemn) ตามที่สื่อบางสำนักรายงานแต่อย่างใด รัฐบาลขอยืนยันว่า ประเทศไทยเคารพหลักสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศและให้ความสำคัญกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น อย่างไรก็ดี ต้องคำนึงถึงการรักษาความสงบเรียบร้อย การป้องกันความแตกแยกในสังคม เนื่องจากขณะนี้อยู่ในช่วงของการปฏิรูปประเทศเพื่อนำสู่ประชาธิปไตยที่มั่นคงและความสามัคคีภายในชาติ



+++ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) กล่าวถึงกรณีที่ไทยส่งคณะผู้แทนเข้าชี้แจงสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศ รวมทั้งพัฒนาการทางกฎหมายและกลไกสิทธิมนุษยชนที่สำคัญในประเทศ โดยประเด็นเรื่องการใช้กฎหมายมาตรา 112 ในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนเป็น หนึ่งใน สี่คำถามที่คณะผู้แทนไทยจะต้องตอบคำถามกับต่างชาติว่า ที่ผ่านมาหลายประเทศก็มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน มีการจับประชาชนจำนวนมากไม่เห็นมีประเทศใดไปบอกว่าประเทศนั้นละเมิดสิทธิมนุษยชน สำหรับประเทศไทยต้องดูสาเหตุจำเป็นที่ต้องทำหรือบังคับใช้กฎหมาย ตนเองจะไม่ยอมให้ประเทศเกิดความไม่เรียบร้อยและต้องทำให้คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่ได้ จึงอยากให้มองเจตนาเหล่านี้ อย่ามองกฎหมายเพียงบรรทัดเดียว ต้องกล้าเผชิญ กล้าบอกความจริงในสังคมโลก เพราะไทยไม่ได้ทำให้สังคมโลกเสื่อมเสีย  ส่วนกรณีที่มีบางกลุ่มเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยย้อนถามผู้สื่อข่าวว่าเป็นพวกนิยมหมิ่นสถาบันหรือไม่เพราะกฎหมายฉบับดังกล่าวมีคำตอบอยู่ในตัวอยู่แล้ว โดยส่วนตัวยอมรับบุคคลที่หมิ่นสถาบันไม่ได้ ซึ่งสื่อมวลชนต้องทำหน้าที่ชี้แจงกับต่างประเทศที่ไม่เข้าใจการใช้กฎหมายฉบับนี้ว่าไทยมีความจำเป็นอย่างไรจึงต้องมีกฎหมายดังกล่าว



+++ศาลทหารกรุงเทพ อนุมัติให้ฝากขัง 2 ผู้ต้องหา คดีม.112 ตุลาการศาลทหารกรุงเทพ คือน.ส.ณัฏฐิกา วรธัยวิชญ์ และนายหฤษฏ์ มหาทน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพ ในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112  ตั้งแต่วันที่ 11-22 พฤษภาคมนี้ ให้นำตัว น.ส.ณัฏฐิกา ฝากขังที่ทัณฑสถานหญิงกลาง และนายหฤษฏ์ฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ซึ่งทนายความไม่คัดค้านการฝากขัง แต่ได้เตรียมเงินสดมาประกันตัวในชั้นฝากขังคนละ 500,000 บาทศาลพิจารณาแล้วยกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัวและไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นสอบสวน โดยให้เหตุผลว่าเกรงว่าผู้ต้องหาจะมีพฤติการณ์หลบหนี และกระทำการยุ่งเหยิงต่อหลักฐาน ขณะที่ทนายความ จะยื่นคำร้องขอประกันตัวอีกครั้งในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ ขณะนี้กำลังพิจารณาว่าเพิ่มหลักทรัพย์ในการขอประกันตัวครั้งต่อไปหรือไม่



+++คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ1.50ต่อปี เนื่องจากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่การส่งออกยังหดตัว การลงทุนภาคเอกชนยังอยู่ในระดับต่ำ การบริโภคภาคเอกชนอ่อนแรงลง ส่วนหนึ่งมาจากครัวเรือนภาคเกษตรได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ทำให้ความเสี่ยงในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโน้มไปด้านต่ำมากขึ้น จากที่คาดจีดีพีปีนี้ขยายตัวร้อยละ  3.1



+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดที่ 1,382.41 จุด ลดลง 7.72 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 47,641.34 ล้านบาท มีแรงขายหุ้นในกลุ่มแบงก์ และแรงขายหุ้นในกลุ่มพลังงาน ด้านตลาดหุ้นต่างประเทศก็เคลื่อนไหวในแดนบวก และลบ



+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดบวกในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนส่งแรงซื้อเข้าหนุนตลาดหลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อวานนี้ เพิ่มขึ้น 13.82 จุด  ที่ 16,579.01 จุด



+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดในแดนลบวันนี้จากแรงเทขายทำกำไร ลดลง 187.39 จุดที่ 20,055.29 จุด



+++อากาศร้อนจัด ส่งผลให้การใช้ไฟฟ้าสูงสุดทำลายตัวเลขพีคเป็นครั้งที่ 7 ของปีนี้ ที่ 29,600.8 เมกะวัตต์ เมื่อเทียบกับปี 2558 ที่อุณหภูมิ 36.4 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงขึ้นจากพีค ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 28 เม.ย. สาเหตุสำคัญมาจากการใช้ไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรม บริการ และบ้านอยู่อาศัยเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นวันทำงานปกติ หลังจากช่วงวันหยุดยาวในเดือนพฤษภาคม ในวันฉัตรมงคลและวันพืชมงคล ประกอบกับอากาศที่ร้อนอบอ้าวต่อเนื่อง ทำให้เกิดความร้อนสะสม โดยเฉพาะในช่วงบ่ายที่มีอากาศร้อนจัด



+++นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ในวันนี้ สบส.มีคำสั่งปิดโรงพยาบาลเดชา ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 มาตรา 52 (1) เป็นระยะเวลา 30 วัน หรือจนกว่าจะสามารถหาผู้ประกอบการคนใหม่ได้ หลังได้รับเรื่องร้องเรียนว่า โรงพยาบาลเดชา ถนนพญาไท ปิดไฟมืด มีแพทย์ 1 คน พยาบาลมีน้อยมาก รวมถึงปิดห้องฉุกเฉิน แสดงว่าไม่มีความพร้อมในการให้บริการรักษาพยาบาล จากการตรวจสอบ พบว่า ผู้ประกอบการของโรงพยาบาลฯ เสียชีวิตแล้วประมาณ 1 เดือน อยู่ระหว่างการหาผู้ประกอบการคนใหม่ หากโรงพยาบาลเดชาสามารถหาผู้ประกอบการใหม่ได้แล้ว และประสงค์ที่จะเปิดให้บริการรักษาพยาบาลอีก ก็ต้องยื่นเรื่องขออนุญาตมาที่ สบส. เพื่อพิจารณาตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานของสถานที่และบุคลากรผู้ปฏิบัติงานอีกครั้งก่อนจะอนุญาตให้เปิดสถานพยาบาลได้



+++นายโกวิท สัจจวิเศษ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม(สปส.) กระทรวงแรงงาน กล่าวว่า สปส.ก็ต้องเตรียมโอนย้ายผู้ประกันตนที่มีบัตรรับรองสิทธิรักษาพยาบาลกับรพ.เดชาที่มีประมาณ 40,000 คน ไปยังรพ.ใกล้เคียง และจะให้ได้ข้อยุติภายในวันที่ 13 พ.ค.นี้ เบื้องต้นสปส.จะย้ายผู้ประกันตนไปให้มีสิทธิรักษาในรพ.อื่นก่อน แต่หากผู้ประกันตนไม่พอใจหรือไม่สะดวกมาใช้บริการก็สามารถยื่นขอเปลี่ยนรพ.ได้ภายหลัง



+++เจ้าหน้าที่กระทรวงความมั่นคงภายในของอิรัก กล่าวว่า เหตุระเบิดรถยนต์ใกล้ตลาดที่มีผู้คนพลุกพล่านแห่งหนึ่งในเมืองซัดร์ ซิตี ทางตะวันออกของกรุงแบกแดดในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนของเช้าวันนี้ มีคนเสียชีวิต 64 ศพและบาดเจ็บ 87 คน แรงระเบิดสร้างความเสียหายให้กับแผงสินค้า ร้านค้า รถยนต์หลายคันและอาคารที่อยู่ใกล้เคียง หลังเกิดเหตุรถพยาบาลรุดไปยังจุดเกิดเหตุเพื่อนำตัวผู้บาดเจ็บไปยังโรงพยาบาลในละแวกใกล้เคียง เบื้องต้นยังไม่มีกลุ่มใดอ้างความรับผิดชอบ ด้านคณะทำงานเรื่องกิจการอิรักของสหประชาชาติประเมินว่า เหตุรุนแรงในอิรักเมื่อเดือนก่อน มีพลเมืองอิรักเสียชีวิต 741 ศพและบาดเจ็บ 1,374 คน

ข่าวทั้งหมด

X