หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า จากมติครม. เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559 ให้หน่วยงานรัฐจัดการฝึกอบรมต่างๆ แต่ให้ชะลอการรับเอกชน โดยให้ความสำคัญกับข้าราชการก่อน ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ได้รายงานกับที่ประชุมครม. รับทราบว่าการจัดอบรมหลักสูตรต่างๆ เป็นของกระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานอิสระอื่นๆ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ พัฒนาศักยภาพให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกันต้องระวังในการส่งผลกระทบ คือ ให้ความสำคัญกับการเรียนมากกว่าการทำงาน จนส่งผลให้เพื่อนร่วมงานเดือดร้อนในการทำหน้าที่แทน มีการสร้างเครือข่ายอันไม่พึงประสงค์ ส่งผลต่อการทุจริตในอนาคต รวมทั้งการทำกิจกรรมที่ใช้เงินฟุ่มเฟือย และการอ้างชื่อสถาบันทำผิดกฎหมาย โดยได้มีการเสนอแนวทางแก้ไขต่อที่ประชุมครม. โดยควรให้มีการกำหนดระเบียบให้ชัดเจน ซึ่งอาจทำได้เฉพาะหลักสูตรของข้าราชการ แต่ไม่ก้าวล่วงถึงหลักสูตรขององค์กรอิสระ แต่ทางองค์กรอิสระก็ยินดีที่จะรับการประสานงานจากหน่วยงานรัฐ เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกัน และหลักสูตรอบรมในหน่วยงานข้าราชการ ควรจะต้องรับคนนอกได้ไม่เกินร้อยละ 15 โดยเน้นหน่วยงานภาครัฐมากกว่าเอกชน ส่วนหลักสูตรทั่วไป ไม่เน้นหน่วยงานไหน สามารถรับหน่วยงานเอกชนได้ไม่เกิน ร้อยละ 20 ขณะที่หลักสูตรของภาคเอกชน ให้ประกาศสัดส่วนตามความเหมาะสม
ส่วนการเดินทางไปดูงาน ขอให้เน้นการดูงานภายในประเทศ หากมีความจำเป็นต้องไปดูงานในประเทศเพื่อนบ้านที่ติดกับไทย อยากให้กลับมาพักที่ประเทศไทย เพื่อให้เงินหมุนเวียนภายในประเทศ และหากไปในต่างประเทศ ก็อยากให้ไปในประเทศอาเซียนบวกสาม ส่วนประเทศนอกเหนือจากนี้ จะต้องชี้แจงการใช้งบประมาณในการเดินทางต่อสำนักงบประมาณฯ ซึ่งสิ่งสำคัญควรนำผลงานกลับมาชี้แจงให้ประชาชนรับและสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในหน่วยงานได้ โดยหลังจากนี้ในหลักสูตรดังกล่าวจะต้องทำให้รัดกุมมากกว่านี้ เพื่อออกเป็นระเบียบต่อไป