หลังจากเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) นำตัว นางสาวพัฒน์นรี หรือ หนึ่งนุช ชาญกิจ มารดา นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ แกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ผู้ต้องหาในข้อหาร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เดินทางมาขออำนาจศาลทหารในการฝากขังเป็นเวลา 12 วัน เนื่องจากต้องสอบพยานเพิ่มเติมอีก 7 ปากและต้องตรวจสอบคอมพิวเตอร์ของผู้ต้องหา รวมถึงโทรศัพท์มือถือ พร้อมทั้งตรวจสอบประวัติลายนิ้วมือ รวมถึงคดีมีอัตราโทษสูงเกิน 10 ปี จากนั้น ศาลเห็นว่าควรให้ฝากขังตามคำร้องขอเป็นเวลา 12 วันตั้งแต่วันที่ 8-19 พ.ค.โดยให้นำตัวผู้ต้องหาไปส่งที่ทัณฑสถานหญิงกลาง
ด้าน นางสาวภาวิณี ชุมศรี ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นทีมทนายของนางสาวพัฒน์นรี ยื่นคัดค้านการฝากขังใน 4 ประเด็น คือ ผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์หลบหนี, เห็นว่าผู้ต้องหายังไม่เข้าข่ายองค์ประกอบความผิดตามข้อกล่าวหา, ผู้ต้องหาไม่อาจไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน และการคุมขังผู้ต้องหาจะส่งผลทำให้ครอบครัวเดือดร้อนเพราะผู้ต้องหาเป็นเสาหลักที่ต้องครอบครัว รวมถึงท้ายคำร้องในชั้นสอบสวน พนักงานสอบสวนก็มีความเห็นให้ประกันตัว เพราะผู้ต้องหาเข้ามอบตัว ทั้งนี้ทีมทนายยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวเป็นเงินสดจำนวน 500,000 บาท จึงขอให้ศาลดุลพินิจที่เป็นธรรมและดูพฤติการณ์ของผู้ต้องหาในการพิจารณา พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงการที่เจ้าหน้าที่เข้าไปยึดคอมพิวเตอร์ที่บ้านผู้ต้องหาโดยไม่แจ้งให้ทราบ ซึ่งภายในบ้านมีเพียงเด็กกับคนชราเท่านั้น ซึ่งไม่ป็นไปตามขั้นตอน
ด้านนายสิรวิชญ์ กล่าวยืนยันจุดยืนทางการเมืองที่ยังเหมือนเดิม ทั้งจะเดินหน้าเคลื่อนไหวต่อไป เพราะมั่นใจว่าแม่ไม่มีความผิดทางกฎหมาย ทั้งเห็นว่าพฤติการณ์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ไม่ต่างมาเฟียที่เอาแม่ของตนเองเป็นตัวประกัน โดยใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งตนเองก็ได้พูดคุยและให้กำลังใจแม่มาโดยตลอด และแม่ก็มีกำลังใจที่ดี ซึ่งหลังจากนี้ตนเอง ก็จะมีภาระเพิ่มเพราะต้องกลับไปดูแลทุกคนในครอบครัวแทนแม่ อย่างไรก็ตาม นายสิรวิชญ์ กล่าวด้วยว่า จะขอให้ทีมทนายความดำเนินการในเรื่องของการใช้งานเฟสบุ๊คด้วยเช่นกัน
..
ผสข.ปิยะธิดา เพชรดี