+++พ.ต.ท.สัณห์เพชร หนูทอง พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กองกำกับการ 3 กองบังคับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ได้เดินทางมาที่ศาลทหารกรุงเทพ ขอหมายจับ น.ส.พัฒน์นรี หรือหนึ่งนุช ชาญกิจ มารดา ของนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว ในข้อหาร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 112 ศาลได้พิจารณาพยานหลักฐานแล้วเห็นควรอนุมัติออกหมายจับ เลขที่ 36/2559 ข้อหาร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 112การขออนุมัติออกหมายจับน.ส.พัฒน์นรี เนื่องจาก พนักงานสอบสวนได้พิจารณาพยานหลักฐานอย่างรอบคอบแล้วเห็นว่า น.ส.พัฒน์นรี ได้ร่วมกับนายบุรินทร์ อินติน กระทำความผิด ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 112
+++หลังนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะอดีตประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฎร เสนอให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) นำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เพื่อเสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจมาตรา 44 ในการปลดหรือย้าย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. และผู้บริหารที่ถูกกล่าวหาทั้งหมดออกจากตำแหน่ง กรณีโครงการอุโมงค์ไฟของ กทม.
+++นายวสันต์ มีวงษ์ โฆษกกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าว่า ในฐานะโฆษกของผู้ว่าฯกทม. ไม่อยากจะไปต่อประเด็นจากนายวิลาศ และการจะพิจารณาใช้มาตรา 44 เป็นดุลพินิจของหัวหน้า คสช.อยู่แล้ว ไม่ต้องให้ใครมาบอก และการที่นายวิลาศ ออกมาพูดเช่นนี้ มีนัยยะอะไรหรือไม่ โดยการตรวจสอบก็เป็นกระบวนการและ ผู้ว่าฯกทม.แถลงไปแล้ว จริงๆ การตรวจสอบ กทม.พร้อมให้ตรวจสอบ แต่ก็ต้องให้ กทม.ชี้แจงด้วย ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามขั้นตอน แต่ติดใจแค่ว่าเพราะอะไร สตง.ถึงต้องออกมาแถลงผิดวิสัยของแนวการปฏิบัติงาน ส่วนผู้ว่าฯกทม.จะมีการฟ้องร้อง สตง.ด้วยหรือไม่ นายวสันต์ กล่าวว่า อย่างที่ผู้ว่าฯแถลงไปก่อนหน้านี้ว่าอยู่ระหว่างให้ทีมกฎหมายพิจารณา ว่าการให้สัมภาษณ์มีอะไรหมิ่นประมาทหรือไม่ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ว่าฯ ก็ไม่ได้รู้สึกท้ออะไร และยังคงทำงานเพื่อคนกทม.ต่อ เพราะผู้ว่าฯอยู่ในตำแหน่งนี้มา 7 ปี ก็เจออะไรมามากเช่นกัน
+++ด้านนายวิลาศ กล่าวว่า ในวันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม เวลา 10.30 น. จะแถลงข่าวทำหนังสือยื่นต่อ สตง.ขอให้เพิ่มผู้ถูกกล่าวหาอีก 2 คน คือรองผู้ว่าฯกทม. 2 คน คือ นายอมร กิจเชวงกุล และนายจุมพล สำเภาพล ที่รวมแถลงความไม่โปร่งใสของบริษัททัวร์รับงานประมูล
+++พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ ผบก.ปส.4 สั่งการให้ชุดปรามปราบยาเสพติดส่วนหน้า ร่วมกับ พ.ต.ต.ปริญา เอียมกมล สว.ส.ทล.3กองบังคับการ7ตำรวจทางหลวง ปรามปราบยาเสพติดส่วนหน้า เข้าจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดเรือนจำภาคเหนือ ยึดของกลางยาบ้า 80,000 เม็ด มูลค่า16ล้านบาทพร้อมผู้ต้องหา 3คน ประกอบด้วยนายรอเซะ หะยีบือราเฮง อายุ 44 ปี น.ส.นูรมา ปูเต๊ะอายุ 26 ปี และ น.ส.อาตีกะ ปูเต๊ะ อายุ 23 ปี ขณะขนยาบ้ามากับรถกระบะมาสด้า 4ประตู สีเทา ทะเบียน ขธ 2342สงขลาเพื่อนำไปส่งให้กับเอเย่นต์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สอบสวนผู้ต้องหาทั้ง3คน ให้การรับสารภาพว่า นายกามารูเด็น ไม่ทราบนามสกุล นักโทษเรือนจำทางภาคเหนือ จ้างด้วยเงิน 4 หมื่นบาท ให้นำยาบ้าไปส่ง ตำรวจจึงแจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จากนั้นส่งพนักงานสอบสวน สภ.รัตภูมิ ดำเนินคดีต่อไป
+++การดำเนินการกับรถแท็กซี่ที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมออกจากสนามบินเกินจริง กรณีที่มีผู้ใช้บริการรถแท็กซี่จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ถูกคนขับรถแท็กซี่เรียกเงินเพิ่มอีก 150 บาท โดยอ้างว่าเป็นรถแท็กซี่ขนาดใหญ่ นางพัชรา พรยุทธพงศ์ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ 1) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2559 ผู้โดยสารชาวไทยจำนวน 4 คน พร้อมกระเป๋าสัมภาระ 5 ใบ ได้ใช้บริการรถแท็กซี่สาธารณะที่บริเวณด้านหน้าชานชาลาอาคารผู้โดยสาร ชั้น 1 คนขับชื่อนายนิวัฒน์ เรืองกิจฉายา รหัส 570166 ขับรถแท็กซี่ขนาดใหญ่ รุ่น Innova สีฟ้าของ บจก. ไทยเอซลิซซิ่ง ทะเบียน ทษ 6780 ซึ่งเมื่อผู้โดยสารได้แจ้งให้ไปส่งปลายทางที่ถนนประชาอุทิศ นายนิวัฒน์ ขอคิดค่าธรรมเนียมจาก 50 บาท เป็น 150 บาท โดยอ้างว่าผู้โดยสารมีสัมภาระหลายใบ ผู้โดยสารจึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ ทสภ. นายนิวัฒน์ ยอมรับว่าทำจริง ฝ่ายบริหารการขนส่ง ทสภ. ระงับรหัสรถแท็กซี่คันดังกล่าวไม่ให้เข้ามาให้บริการที่ทสภ. เป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2559 และได้มีการส่งเรื่องให้กรมการขนส่งทางบกดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป