นายฟิล เบตี บรรณาธิการนิตยสารไทมส์ ไฮเออร์ เอดูเคชั่น(ทีเอชอี) นิตยสารด้านการศึกษาในกรุงลอนดอน อังกฤษ กล่าวว่า ผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยทั่วโลกประจำปีนี้ของนิตยสารทีเอชอี บ่งชี้ว่า 10 มหาวิทยาลัยของอังกฤษติดอันดับ 100 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกในเรื่องของการมีชื่อเสียงระดับโลก แต่มหาวิทยาลัยเก่าแก่หลายแห่งของอังกฤษ หล่นอันดับโลกในปีนี้ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดและมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ แม้ว่าจะยังคงติด 5 มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกคือ อยู่ลำดับ 4 และ 5 ตามลำดับ แต่มหาวิทยาลัยทั้งสองแห่ง ร่วงจากผลการจัดอันดับเมื่อปีก่อนถึง 2 อันดับ ทั้งนี้ ผลจากการที่รัฐบาลอังกฤษลดงบประมาณสนับสนุนด้านการศึกษาและนโยบายคนเข้าเมืองหลายมาตรการที่กระทบกับกลุ่มนักศึกษาในต่างแดนขณะนี้เริ่มส่งผลกระทบเชิงลบต่อระบบการศึกษาของอังกฤษ
ด้านดร.เวนดี้ เพียตต์ ผู้อำนวยการกลุ่มมหาวิทยาลัยในเครือรัสเซลเตือนว่า อังกฤษมีสถาบันการศึกษาที่ทรงอิทธิพลและมีชื่อเสียงระดับโลกมานานหลายปีแล้ว แต่เตือนว่าหากอาศัยชื่อเสียงเก่าๆมากเกินไป โดยไม่รักษาคุณภาพการศึกษาก็อาจจะส่งผลให้ถูกแซงหน้าโดยคู่แข่งจากทั่วโลก โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยในเอเชีย
สำหรับมหาวิทยาของสหรัฐฯก้าวขึ้นมาครอง 10 อันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกในปีนี้ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์(เอ็มไอที) รั้งอยู่ใน 2 ลำดับแรกของโลก ส่วนในเอเชียมี 17 มหาวิทยาลัยที่ติด 100 อันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก เพิ่มจาก 10 แห่งในการจัดอันดับเมื่อปีก่อน การจัดอันดับดังกล่าวใช้หลักเกณฑ์เรื่องการมีชื่อเสียง และการยอมรับ โดยสอบถามความคิดเห็นจากคณะนักวิชาการระดับนานาชาติชุดหนึ่ง
สำหรับผลการจัดอันดับ 10 มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกมีดังนี้ 1)มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด, สหรัฐฯ 2)สถาบันเอ็มไอที, สหรัฐฯ 3)มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด,สหรัฐฯ 4)มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด,อังกฤษ 5)มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์, อังกฤษ 6)มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์,สหรัฐฯ 7)มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน,สหรัฐฯ8)มหาวิทยาลัยเยล,สหรัฐฯ9)มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย,สหรัฐฯและ10)สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย,สหรัฐฯ
ทีมต่างประเทศ
CR:BBC