*ป.ป.ท.เผยรอสตง.เสนอเรื่องฮั้วประมูล39ล้านกทม./กกต.เผยการแสดงความเห็นควรคำนึงร่างพ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ*

05 พฤษภาคม 2559, 19:04น.


+++ช่วงหยุดยาวต่อเนื่อง ตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติให้ในวันพรุ่งนี้ 6 พ.ค. เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ ทำให้มีวันหยุดยาวต่อเนื่อง 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 5 - 9 พ.ค. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เชิญชวนประชาชนใช้โอกาสนี้เดินทางท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และสอดคล้องกับนโยบายการสนับสนุนภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวของรัฐบาล โดยต้องการให้เกิดการหมุนเวียนเงินในระบบเศรษฐกิจ ทั้งในระดับท้องถิ่นชุมชนจนถึงระดับประเทศ จากการที่ผู้คนเดินทางไปท่องเที่ยว ในทุกภาคของประเทศ ใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ รวมถึงประชาชนยังได้ใช้เวลาพักผ่อนอยู่กับครอบครัว นายกฯ เป็นห่วงเรื่องการเดินทางของประชาชน ขอให้ทุกคนใช้ความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน กำชับเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของประชาชนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนทุกจังหวัดที่จัดตั้ง ด่านชุมชนในหมู่บ้านในชุมชน จะต้องเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจตราพฤติกรรมเมาแล้วขับ ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด ไม่สวมหมวกนิรภัย หรือดื่มสุราบนรถ



+++ผลสอบของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พบมีการทุจริต ฮั๊วประมูลโครงการค่าใช้จ่ายในการประดับตกแต่งไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของกรุงเทพมหานคร จำนวน 39.5 ล้านบาท และมีการเรียกร้องให้ใช้มาตรา 44 กับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารของกรุงเทพมหานคร นายประยงค์ ปรียาจิตต์  เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวว่า  การจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมศอตช. หรือไม่ขึ้นอยู่กับ สตง. ที่เป็นหน่วยงานหลักในการตรวจสอบ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ที่ต้องรับเรื่องไปดำเนินการต่อ ข้อเสนอให้นายกรัฐมนตรีใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ โดยหลักการจะพิจารณาจากรายละเอียดว่าหากเจ้าหน้าที่ที่ถูกกล่าวหา หากปฎิบัติหน้าที่ต่อจะไปสร้างความยุ่งเหยิงต่อพยานหลักฐาน หรือสร้างความเสียหายต่อหน่วยงานนั้นอีกหรือไม่ กรณีนี้ ต้องดูว่าอยู่ในเงื่อนไขหรือไม่ หากอยู่ในตำแหน่งแล้วเข้าไปทำให้พยานหลักฐานมีปัญหาก็เสนอใช้ได้ แต่ทั้งหมดต้องรอให้สตง.ทำเรื่องเสนอเข้ามา อยากชี้แจงว่าการใช้มาตรา 44 โยกย้ายเอาผิดในหน่วยงานท้องถิ่นที่ผ่านมา เพราะสตง.ทำหนังสือส่งมาทุกรายมีความผิดชัด และการใช้มาตรา 44 บางกรณีก็ไม่ใช่เรื่องของการทุจริตทั้งหมด แต่เป็นการกระตุ้นให้หน่วยราชการต่างๆทำงาน



+++กรณีการพิจารณารายชื่อข้าราชการพัวพันทุจริตล็อตที่ 4 เลขาธิการ ป.ป.ท. กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้เร่งรัดจัดทำบัญชีรายชื่อตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และอยู่ระหว่างการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ป.ป.ช., ป.ป.ท. และ สตง.มาหารือ



+++การแสดงความเห็นเกี่ยวกับการออกเสียงประชามติ นายประวิช รัตนเพียร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า การแสดงความคิดเห็นและการเผยแพร่ความคิดเห็นของประชาชนควรคำนึงถึงกติกาที่กำหนดไว้ในพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ คือต้องเป็นเรื่องจริง ไม่สามารถแต่งเติมหรือมโนขึ้นเองได้ ต้องใช้คำพูดสุภาพ ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคายหรือก้าวร้าว และต้องไม่ปลุกระดม ข่มขู่  หลักการทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้กรอบของมาตรา 7 และมาตรา 61 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ  หากประชาชนยึดหลักข้างต้นมั่นใจว่าจะมีความปลอดภัยเพราะไม่ผิดกฎหมาย  หากทำสิ่งใดที่นอกเหนือจากนี้ก็สุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ผู้อื่นมองเห็นได้ว่าเข้าข่ายปลุกระดม หรือใช้ถ้อยคำหยาบคาย ก้าวร้าว ข่มขู่  ก็จะเป็นอันตรายเพราะกฎหมายฉบับนี้มีบทกำหนดโทษทางอาญาไว้



+++โครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ –ระยองและกรุงเทพฯ – หัวหิน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เร่งรัดการจัดทำโครงการนี้  เพื่อนำเข้ามาบรรจุเป็นโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี) แบบฟาสแทร็ค ก่อนเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการพีพีพี พิจารณาโดยเร็ว ซึ่งการดำเนินโครงการดังกล่าว ถือเป็นการเร่งโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ หลังจากได้มีการบรรจุโครงการลงทุนแบบฟาสแทร็คไปแล้ว 5 โครงการนำร่อง ทั้งโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า และทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หรือมอเตอร์เวย์ กระทรวงคมนาคม ยอมรับว่า ได้ศึกษาโครงการมามากพอสมควร เหลือเพียงพิจารณาทางเลือกให้เอกชนเข้ามาร่วมว่าจะเข้ามาในรูปแบบใด ทั้งการให้เอกชนรับผิดชอบโครงการทั้งหมด หรือเอกชนรับผิดชอบระบบเดินรถ และรัฐลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้  หรือรัฐบาลลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และระบบการเดินรถ และจ้างให้เอกชนมาเดินรถอย่างเดียว ซึ่งทุกกรณีกระทรวงคมนาคมจะไปหาข้อสรุปและเสนอให้ที่ประชุมพีพีพีรับทราบต่อไป



+++กรณีที่ศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อตรวจพบไส้กรอก 3 ยี่ห้อ ผสมสารไนไตรและไนเตรทเกินค่ามาตรฐาน นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ได้มีทีมลงพื้นที่ไปตรวจสอบยังสถานที่ผลิตไส้กรอกทั้ง 3 ยี่ห้อแล้ว ปีนี้ได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์เหล่านี้ทั้งหมด 200 ตัวอย่าง ส่งให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจหาสารไนเตรท ไนไตรท์ ซอร์บิกแอซิด และโปแตสเซียมซอร์เบต(วัตถุกันเสีย) และการผสมสี ล่าสุดผลตรวจไส้กรอกเสร็จแล้ว 26 ตัวอย่าง พบว่ามีสารไนเตรทและไนไตรท์เกินค่ามาตรฐาน 1 ตัวอย่าง เพราะกำลังตรวจสอบสถานที่ผลิตว่าได้มาตรฐาน มีสารดังกล่าวเกินค่ามาตรฐานหรือไม่ หากพบว่าเกิน จึงจะเป็นเหตุผลที่สอดคล้องกัน และสามารถเปิดเผยชื่อยี่ห้อได้อย่างเป็นทางการ



+++หลังจากเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืชหรือไทยแพน (Thai-PAN : Thailand Pesticide Alert Network) แถลงผลการตรวจวิเคราะห์ ผัก 10 ชนิด พบว่ามีสารพิษตกค้างเกินค่ามาตรฐาน เช่น พริกแดง 100 % กะเพรา 66.7 % ถั่วฝักยาว 66.7 % คะน้า 55.6 % เป็นต้น ส่วนผลไม้ 6 ชนิด มีสารพิษตกค้าง เช่น ส้มสายน้ำผึ้ง ฝรั่ง 100 % แก้วมังกร 71.4 % มะละกอ 66.7 % มะม่วงน้ำดอกไม้ 44.4% และแตงโม 0 % ในภาพรวมมีผักและผลไม้มีสารพิษตกค้างเกินค่ามาตรฐานสูงถึง 46.4 % กรมวิชาการเกษตร จะไปตามสอบแหล่งผลิตที่ได้ระบุว่าตรวจพบสารตกค้างเกินมาตรฐาน ภายหลังการตรวจรับรองจะมีการตรวจติดตามประจำปี โดยหากพบข้อบกพร่องจะแจ้งให้เกษตรกรแก้ไขหากไม่ดำเนินการแก้ไขจะพักใช้/ยกเลิก/เพิกถอน ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ทั้งนี้ กรมวิชาการเกษตร มีการสุ่มตัวอย่างเพื่อตรวจติดตามทวนสอบแหล่งผลิตที่ได้รับรองทุกปี (Monitoring) โดยจำนวนตัวอย่างที่เก็บตรวจสอบเป็นไปตามมาตรฐานสากล



+++สถานการณ์ในซีเรีย สถานีโทรทัศน์ของทางการซีเรีย รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ศพ บาดเจ็บสาหัส 28 คนจากเหตุระเบิดโจมตีแบบฆ่าตัวตายและระเบิดรถยนต์กลางจัตุรัสในเขตมูคาร์รัม อัล-ฟอว์กานี ในจังหวัดฮอมส์ ที่กองทัพซีเรีย ยึดคืนมาจากกลุ่มติดอาวุธเมื่อเดือนที่แล้ว ปัจจุบันรัฐบาลซีเรียควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของฮอมส์ไว้ได้แล้ว ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดของซีเรีย ยกเว้นแต่ในบางพื้นที่ที่กลุ่มกบฏและกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส)ยังคงยึดครองอยู่



 

ข่าวทั้งหมด

X