*นายกฯให้ถามกกต. ถึงข้อห้ามก่อนลงประชามติ ไม่โต้ยิ่งลักษณ์ เพราะไม่รังแกผู้หญิง*

ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการ การทำประชามติ หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกกฎ ทำได้ ข้อทำไม่ได้ ซึ่งหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่ายังมีความคลุมเครือ ทั้งในประเด็นที่ระบุว่าห้ามใช้ถ้อยคำหยาบคาย ที่แบบไหนเรียกว่าหยาบคายบ้าง ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ได้กล่าวว่า ทุกคนควรจะแยกออกว่าแบบไหนหยาบคายหรือไม่หยาบคาย และไม่ควรมาถาม ส่วนเรื่องการจัดเสวนา ที่มีข้อเสนอว่าควรที่จะจัดได้โดยไม่ต้องจัดร่วมกับหน่วยงานราชการหรือสถานศึกษา นายกรัฐมนตรีก็กล่าวว่า หลายฝ่ายก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าคนที่จัดเสวนาต่อต้านนี้เป็นฝ่ายไหน มีเจตนาอย่างไร และต้องดูด้วยว่าการวิพากษ์วิจารณ์อยู่บนพื้นฐานของหลักวิชาการหรือไม่ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ก็ควรจะไปถามกกต. ไม่ใช่ตัวเอง

ส่วนการจับกุม 8 แอดมิน เฟซบุ๊ก ที่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย วิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญที่มีลักษณะยั่วยุ รุนแรง ก้าวร้าว ผิดต่อพ.ร.บ. การออกเสียงประชามติ 2559 นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการไปตามกฎหมาย เมื่อสอบสวนแล้วก็พบว่ามีความผิดเพิ่มเติม ทั้งความผิดทางอาญาตามมาตรา 112 และ 116 โดยตัวเองยืนยันว่าการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการใช้ความรุนแรง หรือซ้อมผู้ต้องหา ทุกอย่างทำตามหลักสิทธิมนุษยชน

ส่วนที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้วิจารณ์ตัวเองนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ได้ติดใจอะไร ก็ต้องปล่อยไป ส่วนตัวแล้วให้เกียรตินางสาวยิ่งลักษณ์เสมอ เพราะเป็นผู้หญิง ตัวเองไม่มีนิสัยรังแกผู้หญิง แต่ในเรื่องของกฎหมายก็ต้องว่ากันไปตามความผิด ต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตร ออกมาวิจารณ์นโยบายประชารัฐ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า คนคิดแล้วพูดทำง่าย อยากให้ลองมาทำด้วยตัวเอง จะได้รู้ว่าเป็นอย่างไร ตัวเองไม่เคยก้าวก่ายงานคนอื่น คนอื่นก็ไม่ควรมาก้าวก่ายงานของตัวเองเช่นกัน

ด้านคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะถอนฟ้องคดีเจ้าหน้าที่รัฐสั่งสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยโดยมิชอบนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีการเสนอขึ้นมาให้ถอนฟ้อง ทุกคนมีสิทธิที่จะเสนอเรื่องขึ้นมาได้ ซึ่งทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม พร้อมยืนยันว่าการดำเนินคดีนั้นอยู่บนพื้นฐานเดียวกัน

นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงความพอใจผู้สื่อข่าว ในวันเสรีภาพสื่อโลกด้วย โดยกล่าวว่า ทุกวันนี้ก็พอใจบ้าง ไม่พอใจบ้าง แต่ไม่ได้รังเกียจ เพราะถ้ารังเกียจคงไม่มายืนตอบคำถามเป็นชั่วโมงๆ แบบนี้ บางครั้งก็ถามยั่วยุ แต่ตัวเองก็ต้องอดทน ซึ่งก็อดทนได้บ้าง ไม่ได้บ้าง อย่างไรก็ตามก็ยังยินดีที่จะทะเลาะกับนักข่าว พร้อมทั้งฝากให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวให้มีข้อมูลอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง ไม่เผยแพร่ข้อมูลเท็จ ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคม และไม่ควรให้ผู้ที่กระทำความผิดออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อมวลชน ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อมวลชนก็ควรจะอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย แตกแยกกันในสังคม