พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม อดีตจเรตำรวจ และอดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กับอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาอีก 4 คน ที่ตกเป็นจำเลยคดีอุ้มฆ่านักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบียเมื่อปี 2533 เดินทางเข้ารับฟังคำพิพากษาชั้นศาลอุทธรณ์ ขณะที่ฝ่ายโจทก์มีอุปทูตสถานทูตซาอุดีอาระเบีย ทนายครอบครัวผู้เสียชีวิต เข้ารับฟังคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้ง 5 ในความผิดในคดีอุ้มฆ่านายมูฮัมหมัด อัลรูไวลี นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย เมื่อปี 2552 โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อปี 2557 สั่งยกฟ้องจำเลยทั้ง 5 เนื่องจากเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อพิรุธน่าสงสัยหลายประการ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัย
ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่าการยื่นเบิกความพยานและหลักฐานเป็นพยานหลักฐานเดิม ส่วนพยานโจทก์ปากสำคัญ คือ พ.ต.ท.สุวิชัย แก้วผลึก เห็นว่าไม่อาจรับฟังได้ เนื่องจากมีการเบิกความกลับไปกลับมาในชั้นพนักงานสอบสวน อีกทั้งพยานแวดล้อมไม่สามารถยืนยันได้ว่าจำเลยที่ 2-5 ซึ่งเป็นตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาของ พล.ต.ท.สมคิด ได้นำตัวนายอัลรูไวลี ผู้เสียชีวิต เข้าไปในโรงแรมฉิมพลีจริง ส่วนแหวนที่อ้างว่าพบใกล้ถังน้ำมันในที่เกิดเหตุ เมื่อมีการนำสืบแล้ว ไม่มีญาติคนใดยืนยันได้ว่าเป็นของผู้เสียชีวิตจริง ประกอบกับมีประเด็นต้องสงสัย เหตุที่ไม่มีการนำแหวนวงนี้ส่งให้ตำรวจตรวจสอบ แต่ส่งให้ญาติเป็นผู้เก็บรักษา และการเบิกความจากช่างที่รับแหวนไปซ่อม ยืนยันว่าไม่พบรอยไหม้แต่อย่างใด ศาลอุทธรณ์จึงเห็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น สั่งยกฟ้องในคดีนี้.