รัฐบาลอินโดนีเซียกำลังผลักดันกฎหมายในการห้ามปลูกปาล์มในพื้นที่ใหม่ หลังเกิดปัญหาไฟไหม้ป่าและลุกลามกลายเป็นมลพิษทางอากาศเข้าสู่เพื่อนบ้าน เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจโก วิโดโดได้เสนอแนวคิดในการยกเลิกการอนุมัติใช้ที่ดินสำหรับการปลูกปาล์มเพิ่มเติม แถลงการณ์ของผู้นำอินโดนีเซียระบุว่า การให้สัมปทานที่ดินสำหรับการทำสวนปาล์มขณะนี้มีปริมาณเพียงพอแล้ว และเห็นว่าบรรดาผู้ผลิตน้ำมันปาล์มควรให้ความสำคัญกับการใช้เมล็ดพันธุ์ปาล์มที่ดีในการเพาะปลูกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตต่อสวนมากกว่า หลังจากก่อนหน้านี้ พื้นที่เพาะปลูกปาล์มได้มีการขยายออกไปทั้งบนเกาะสุมาตราและเกาะบอร์เนียว เนื่องจากความต้องการน้ำมันปาล์มในระดับสูง จนนำไปสู่การเกิดไฟป่าขึ้นในทุกๆ ปี ส่งผลให้ประชาชนทั้งในอินโดนีเซียและประเทศเพื่อนบ้านได้รับผลกระทบจากการสูดดมควันไฟ และทำให้รัฐบาลอินโดนีเซียเผชิญกับแรงกดดันในการเร่งแก้ปัญหาควันจากไฟป่า อย่างไรก็ตาม สมาคมผู้ประกอบการปาล์มน้ำมันอินโดนีเซีย ซึ่งมีสมาชิกอยู่มากถึง 650 บริษัท เตือนว่า การห้ามขยายที่เพาะปลูกปาล์มอาจจะส่งผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจต่ออินโดนีเซียได้ เนื่องจากมีตัวเลขแรงงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มมากกว่า 24 ล้านคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานในพื้นที่ห่างไกล ตลอดจนตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ เนื่องจากปีที่แล้ว อินโดนีเซียเป็นผู้ส่งออกน้ำมันปาล์มมากถึง 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 665,000 ล้านบาท โดยน้ำมันปาล์มเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตสินค้ามากมาย เช่น ขนมปังกรอบ แชมพูสระผม และเครื่องสำอาง
**14.04F174**