การติดตามผลการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ของสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี พร้อมด้วยนายดนุชา สินธวานนท์ รองเลขาธิการ กปร. ผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางมายังไปติดตามผลการดำเนินงานของโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าบริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลหาดขาม อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และพบปะราษฎรที่ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ ดูชีวิตความเป็นอยู่และการประกอบอาชีพ ทั้งเลี้ยงแพะ ทำชาใบม่อน และรวมกลุ่มบริหารจัดการการท่องเที่ยวภายในพื้นที่ รวมทั้งได้ชมทัศนียภาพของโครงการฯ และปลูกต้นจันทร์หอม บริเวณอุทยานด้วย
นายพลากร กล่าวว่า โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าบริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เกิดขึ้นในปี 2540 จากเหตุการณ์ช้างป่าล้มตาย เพราะได้รับสารพิษและจากการถูกยิงเนื่องจากเข้าไปกินสับปะรดที่ชาวบ้านปลูกไว้ในพื้นที่บ้านรวมไทย หมู่ 7 ตำบลหาดขาม อำเภอกุยบุรี นอกจากนี้ยังมีการลักลอบตัดงาช้างเป็นจำนวนมากด้วย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใย จึงได้พระราชทานพระราชดำริ ให้ดำเนินการตรวจสอบวินิจฉัยให้ดำเนินการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าบริเวณพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี โดยใช้รูปแบบในการฟื้นฟูเช่นเดียวกับการดำเนินงานโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี และโครงการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดราชบุรี สำนักงาน กปร. ดำเนินการสนองพระราชดำริโดยบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กรเอกชน ร่วมในการจัดทำและใช้ “แผน” เป็นเครื่องมือดำเนินงาน เพื่อให้มีอาหารเพียงพอต่อช้างในป่า และได้ดำรัสว่า ช้างเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมือง อยู่คู่กับประเทศไทยมาช้านาน ใช้ในการศึกสงคราม จึงควรที่จะต้องอนุรักษ์เอาไว้ และไม่ควรไปทำร้าย
ส่วนการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่า ปลูกและฟื้นฟูสภาพป่าตามแนวพระราชดำริ จำนวน 18,000 ไร่ จัดทำโป่งเทียม ก่อสร้างฝาย Check Dam การพัฒนาและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยการปรับปรุงบำรุงดินในพื้นที่ เพิ่มพื้นที่ป่าในพื้นที่โครงการฯ ส่งเสริมการปลูกหญ้าแฝก และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการพัฒนา และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่โครงการฯ ซึ่งผลจากการดำเนินงานโครงการฯ ทำให้ปัจจุบันนี้อุทยานแห่งชาติกุยบุรี เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติอันดับต้นๆ ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติสนใจ เข้ามาท่องเที่ยวและดูสัตว์ป่าเป็นจำนวนมาก โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มา จะไปดูช้างป่า และกระทิง ส่งผลให้ชาวบ้านมีอาชีพและรายได้จากการท่องเที่ยวชมสัตว์ป่าในแบบธรรมชาติ
รวมถึงยังมีการจัดชุดปฏิบัติการจิตวิทยาสร้างความสัมพันธ์ในการสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และสัตว์ป่า เพื่อสร้างความเข้าใจในผลประโยชน์ที่จะได้รับจาการดำเนินโครงการและการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับช้าง รวมถึงสัตว์ป่าอยู่รวมกันโดยไม่เบียดเบียนกัน ประชาชนในพื้นที่ ยังมีความเข้าใจ รู้จักรักและหวงแหนพันธุ์ไม้ สัตว์ป่า และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมากด้วย โดยช่วง 2-3 ปีมานี้ ไม่พบปัญหาประชาชนในพื้นที่นี้ทำร้ายช้างและฆ่าช้างแล้ว เมื่อพบเห็นช้างเข้าไปกินสัปปะรดในไร่ ก็จะปล่อยให้กินจนอิ่ม หลังจากนั้นค่อยมาประชุม ปรึกษาหารือกันเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป โดยเราก็ต้องยอมรับว่ามนุษย์ เป็นผู้ไปรุกล้ำพื้นที่ของสัตว์ป่าเอง กังนั้นจึงต้องหาวิธีการว่าจะทำอย่างไรให้คนกับช้างสามารถอยู่ร่วมกันได้ ทั้งนี้ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว มาศึกษาดูงานที่นี่ เพื่อจะได้นำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ตัวเองต่อไป โดยในช่วงเย็นวันนี้ องคมนตรีและสื่อมวลชนก็ได้เข้าไปในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เพื่อชมช้างป่าด้วย หลังจากขับรถขึ้นไปประมาณ 7 กิโลเมตร ก็เห็นช้างป่าโขลงหนึ่ง มีจำนวนกว่า 10 ตัวลงเล่นน้ำในบ่อน้ำด้วย