ขั้นตอนการลงเสียงประชามติ ในวันนี้ นายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. แถลงว่า กกต.มีมคิได้เห็นชอบประกาศ กกต.สามฉบับคือ 1.ประกาศเรื่องกำหนดวันเวลายื่นคำขอลงทะเบียนใช้สิทธิลงคะแนนนอกเขตจังหวัด ในกรณีบุคคลไม่ได้อยู่ในพื้นที่ตามภูมิลำเนาของตน สามารถยื่นได้สามวิธี คือยื่นด้วยตนเอง ในส่วนของพื้นที่กรุงเทพฯ ยื่นคำขอได้ที่สำนักงานเขต และที่ต่างจังหวัดยื่นคำขอที่สำนักทะเบียนอำเภอ หรือสำนักทะเบียนท้องถิ่น เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.-7พ.ค. ในวันและเวลาราชการ ทั้งนี้สามารถยื่นคำขอเป็นกลุ่มได้ โดยการมอบหมายผู้มีสิทธิอื่นยื่นแทน ยื่นทางไปรษณีย์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1พ.ค. –30มิ.ย. ซึ่งจะปิดการลงทะเบียนก่อนการยื่นด้วยตนเอง และ ยื่นผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตที่เว็บไซต์ http://election.dopa.go.th ตั้งแต่วันที่ 1พ.ค.—30มิ.ย. ตลอด 24 ชม. ซึ่งเป็นวิธีการใหม่ที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้มีสิทธิลงคะแนน จากนั้นระบบจะปิดการรับสมัครในเวลา 24.00 น.
นอกจากนั้น กกต.ยังจัดให้มีการลงคะแนนนอกเขตจังหวัดผ่านระบบอิเล็คทรอนิกส์ในสองจังหวัดคือ ปราจีนบุรี และลพบุรี โดยเหตุผลที่เลือกสองจังหวัดนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเป็นจังหวัดที่มีทหารอยู่มาก แต่พิจารณาจากการลงทะเบียนที่ผ่านมามีผู้ลงทะเบียนไม่มากหรือน้อยเกินไปจึงใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการระบบเครื่องอิเล็คทรอนิกส์ในการอ่านบัตรประชาชนว่ามาลงทะเบียนใช้สิทธิแล้ว แม้เครื่องอ่านบัตรประชาชนจะเกิดขัดข้องก็มีการสำรองเรื่องบัญชีรายชื่อด้วยเช่นเดียวกัน การออกเสียงประชามติครั้งนี้ ได้อำนวยความสะดวกให้กับคนพิการและผู้สูงอายุเพิ่มเติมเปิดให้มีหน่วยลงคะแนนพิเศษสำหรับคนพิการ แต่ถ้าไม่ครบ 100 คนก็สามารถไปใช้สิทธิตามภูมิลำเนาของตัวเอง และจะประกาศให้มีการลงทะเบียนรอบที่สองสามารถลงทะเบียนได้ถึงวันที่ 7 ก.ค.
ทั้งนี้ กกต.จะมีการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ช่วยเหลือคนพิการ หรือผู้ทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุ อาทิ รถวีลแชร์ โคมไฟส่องสว่าง แว่นส่องขยาย เป็นต้น และสามารถให้คนอื่นลงคะแนนได้โดยต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิการหรือทุพพลภาพ นอกจากนี้ในหน่วยลงคะแนนของผู้พิการจะมีพนักงานมากกว่าหน่วยปกติ และจะมีการสาธิตการลงคะแนนในวันที่ 16 พ.ค. นี้
ส่วนการจัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญ กกต.ได้มีมติให้จัดพิมพ์จำนวน 54 ล้านฉบับ ซึ่งพิมพ์เกินกว่าจำนวนผู้มีสิทธิประมาณ 7 เปอร์เซ็นต์ โดยยังอยู่ในระหว่างการกำหนดทีโออาร์ ยังไม่มีการจัดซื้อจัดจ้าง จึงไม่เป็นไปตามข่าวที่มีการเผยแพร่ก่อนหน้านี้ อีกทั้งนโยบาย กกต.ก็ต้องการให้มีการประกวดราคาเป็นหลัก เพราะยังมีเวลาที่สามารถดำเนินการได้ เพราะจะใช้ในวันที่ 7 ส.ค. นี้ โดยจะต้องจัดส่งไปยังเขตที่มีการลงคะแนนก่อนวันลงคะแนน 7 วัน ทั้งนี้คาดว่าต้นเดือนพ.ค.จะสามารถดำเนินการกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างได้ นอกจากนี้จะมีการพิมพ์อักษรเบลล์เพิ่มเติมเพื่ออธิบายเกี่ยวกับวิธีการออกเสียงละคะแนนด้วย
สำหรับการไม่ไปใช้สิทธิลงประชามติในครั้งนี้ นายบุญยเกียรติ กล่าวว่า ไม่มีบทลงโทษเรื่องเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ส่วนจะเป็นเหตุทำให้คนไปใช้สิทธิน้อยหรือไม่นั้นคงขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของแต่ละคนรวมถึงการรณรงค์เผยแพร่ข้อมูลต่อประชาชนอย่างทั่วถึง