ผู้เชี่ยวชาญอเมริกัน ชี้ การวิเคราะห์หลักฐานคอมพิวเตอร์ เจ้าหน้าที่ต้องทำงานเร็วและรู้เท่าทันคนร้าย

แนวทางการหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

Mr. Daniel Ogden (นักวิเคราะห์พยานหลักฐานทางคอมพิวเตอร์) ผู้เชี่ยวชาญจาก Computer Crime & Intellectual Property Section United States Department of Justice เปิดเผยในการสัมนาทางวิชาการทางการศาลและการยุติธรรมระหว่างประเทศเรื่อง "อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์" (Southeast Asia Judicial Workshop on Cybercrime) ว่า การหาพยานหลักฐานเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ เจ้าหน้าที่จะต้องมีการทำงานกันอย่างรวดเร็ว เพื่อนำข้อมูลดิบมาวิเคราะห์ข้อมูล ก่อนจะสรุปส่งให้กับอัยการ โดยกระบวนการจะต้องนำข้อมูลมาเชื่อมโยง เพื่อหาพฤติกรรมของคนร้าย และดูว่าเหยื่อเป็นใครด้วย รวมทั้งการกระทำความผิดเป็นรูปแบบไหนด้วย 

 

โดยอุปสรรคในการทำงานของเจ้าหน้าที่จะเกิดจากเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว อุปกรณ์ต่างๆ ที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อจัดเก็บ ถ่ายโอนข้อมูล ทำให้เกิดความซับซ้อนในการทำงานมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีราคาที่ถูกลง ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุขึ้นและรู้ตัวว่าคนร้ายเป็นใคร ระหว่างที่รอศาลอนุมัติให้ตรวจค้นพยานหลักฐาน ทางเจ้าหน้าที่จะมีการประสานงานไปยังผู้ให้บริการระบบคอมพิวเตอร์ อาทิ google gmail yahoo เพื่อให้เก็บข้อมูลของคนร้ายเอาไว้ ก่อนที่จะมีการโอนย้ายข้อมูล หรือลบข้อมูลออกไปจากระบบ และเมื่ออัยการอนุมัติให้ตรวจค้นหาพยานหลักฐานแล้ว ก็สามารถขอข้อมูลจากผู้ให้บริการมาได้ทันที เพราะบางครั้งคนร้ายหรือเครือข่ายกลุ่มคนร้ายมีการไหวตัวทัน และพยายามที่จะลบข้อมูลออกจากระบบ 

 

นอกจากนี้ในปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ได้มีการพัฒนาระบบเทคโนโลยี จนสามารถเข้าไปตรวจค้นข้อมูลในระบบ ios และแอนดรอย ได้แล้ว และกลุ่มคนร้ายอาจจะมีการชะล่าใจ ใช้โทรศัพท์มือถือในการก่อเหตุอาชญากรรม และส่งข้อมูลลวงไปให้เหยื่อ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็สามารถติดตามตัวได้ โดยสิ่งสำคัญในการติดตามตัวคือ แอพริเคชั่นที่อยู่ภายใยโทรศัพท์ เช่น แอพริเคชั่นพยากรณ์อากาศ เฟสบุ๊ก ทวิตเตอร์ อีเมล์ต่างๆ ที่ระบุข้อมูลของสถานที่ที่ผู้ใช้อยู่ สิ่งนี้ก็สามารถนำมาเป็นหลักฐานในการติดตามตัวคนร้ายได้

 

..

 

ผสข.สมจิตร์ พูลสุข