*คสช.ยันมีหลักฐานทักษิณจ้างล็อบบี้ยิสต์ จับตาทุกฝ่ายแสดงความเห็นร่างรธน.*

กรณีการจ้างล็อบบี้ยิสต์ของนายทักษิณ ชินวัตร พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ รองหัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ส่วนงานรักษาความสงบ สำนักงานเลขาธิการ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ยืนยันว่า มีหลักฐานที่นายทักษิณ จ้างล็อบบี้ยิสต์จริง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ เป็นข้อมูลเอกสารจากหลายภาคส่วน ทั้งจาก สำนักข่าว และประชาชน ทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงข้อมูลจากการสืบค้น รายละเอียดเบื้องต้นเป็นไปตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เคยระบุไปก่อนหน้านี้ ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถสืบค้นได้ เนื่องจากไม่ใช่เอกสารลับ ทั้งนี้การที่ออกมาเปิดเผย เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบและนำข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจ  ขณะนี้คสช.ให้ความสำคัญกับเรื่องปากท้องของประชาชน เป็นปัญหาเร่งด่วนระดับสูงสุด รวมถึงการรักษาบรรยากาศบ้านเมืองให้อยู่ในภาวะสงบสุข มองว่า ขณะนี้ประชาชนมีความสุข กับบรรยากาศบ้านเมืองที่สงบเช่นนี้ เชื่อว่า มีแค่บางกลุ่มเท่านั้นที่สนใจการเมือง พร้อมทำงานตามโรดแมปไม่เปลี่ยนแปลงและยืนยันว่า ในปี 2560 ต้องมีการเลือกตั้งแน่นอน

ส่วนการดำเนินการกับนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่มีการโพสต์แสดงความคิดเห็นทางการเมืองผ่านโซเชียลมีเดียหลายครั้ง พ.อ.ปิยพงศ์  กล่าวว่า กำลังดำเนินการอยู่ตามขั้นตอนเพราะเรื่องของนายวัฒนาเข้าไปอยู่ในกระบวนการของกฏหมายแล้ว

ด้านแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)และคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) แสดงความคิดเห็นเกี่ยวร่างรัฐธรรมนูญ คสช.ก็จับตาดูอยู่ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายกำลังพิจารณาอยู่ว่าผิดพ.ร.บ.ประชามติอย่างไร คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จะต้องชี้แจง ทำความเข้าใจว่าสิ่งใดทำได้หรือทำไม่ได้

การออกมาเคลื่อนไหวของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ หลังเงียบหายไปนานจะมีการจับตาเป็นพิเศษหรือไม่ คิดว่าประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศต้องการเห็นบ้านเมืองปกติสุข ไม่ต้องการความวุ่นวาย คสช.ก็จับตาดูทุกกลุ่มทุกๆฝ่ายว่าสิ่งใดที่จะเป็นต้นเหตุไปสู่ความไม่สงบก็จะระงับยับยั้งไม่ให้เกิดขึ้นในทันที และยืนยันว่าคสช.จะปฏิบัติต่อทุกฝ่ายอย่างเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติภายใต้กรอบกฏหมายเดียวกัน และจะไม่กระทำการใดที่จะก่อให้เกิดความรุนแรงเพราะคสช.เข้ามาเป็นผู้ระงับความรุนแรง  ส่วนจะมีการเรียกตัวแทนของทั้ง2ฝ่ายที่ออกมาแสดงความคิดเห็นมาพูดคุยหรือไม่ก็ต้องดูว่าเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.ประชามติหรือไม่ให้ฝ่ายกฏหมายตรวจสอบอยู่

ผู้สื่อข่าว:พนิตา สืบสมุทร